เดือนพฤษภาคมเยือนเขตโบราณสถานชัยชนะเดียนเบียนฟู
Le Phuong - VOV5 -  
(VOVWORLD) - ชัยชนะเดียนเบียนฟูที่ก้องกังวาลไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมปี 1954 ได้สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อในการเปลี่ยนสถานการณ์สงครามเพื่อนำไปสู่การลงนามข้อตกลงเจนีวาเมื่อปี 1954 อันเป็นการยุติสงครามยุติและฟื้นฟูสันติภาพในอินโดจีน ทุกๆปี เมื่อถึงวันรำลึกดังกล่าว จะมีนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศไปเยือนเขตโบราณสถานชัยชนะเดียนเบียนฟูเป็นจำนวนมากเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศการเฉลิมฉลองและมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับบทบาทที่ยิ่งใหญ่ของชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้
บนเนิน เอ 1 |
63 ปีได้ผ่านพ้นไป สถานที่ต่างๆในเขตโบราณสถานทางประวัติศาสตร์เดียนเบียนฟูยังคงได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี สะท้อนหน้าประวัติศาสตร์ที่รุ่งโรจน์แห่งการต่อสู้ที่กล้าหาญของประชาชาติเวียดนาม เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนเวียดนามและเป็นที่ยกย่องชื่นชมจากเพื่อนมิตรนานาชาติ ในช่วงวันดังกล่าว คาราวานรถยนต์หลายคณะจากทั่วสารทิศได้หลั่งไหลพากันไปเที่ยวเขตโบราณสถานแห่งนี้ โดยเฉพาะทหารผ่านศึกที่เคยเข้าร่วมยุทธนาการเดียนเบียนฟู นายฝามทั้ง ทหารผ่านศึกคนหนึ่งกล่าวด้วยความทราบซึ้งใจว่า “เมื่อกลับสมรภูมิเก่า ยืนบนเนิน เอ 1 ผมก็ขออยากขอบคุณประชาชนจังหวัดเดียนเบียนที่ได้สร้างสรรค์เดียนเบียนในปัจจุบันให้เจริญรุ่งเรือง พร้อมทั้งอยากบอกกับวิญญาณของเพื่อนร่วมรบที่ได้เสียชีวิตในเดียนเบียนฟูและประชาชนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ว่า จงจดจำว่า ที่เนินเอ 1 นี้ ทหารนับพันคนได้สละชีพเพื่อให้เราได้มีวันนี้”
อุโมงเดอ กัสตรีส์ |
เขตโบราณสถานสมรภูมิเดียนเบียนฟูเป็นโบราณสถานแห่งชาติพิเศษ มีสถานที่ 45 แห่งที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เช่น สำนักงานผู้บัญชาการยุทธนาการเดียนเบียนฟูของกองทัพประชาชนเวียดนาม อุโมงเดอ กัสตรีส์ เนินเอ 1 อนุสาวรีย์ชัยชนะเดียนเบียนฟู พิพิธภัณฑ์เดียนเบียนฟู โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปเยือนพิพิธภัณฑ์เดียนเบียนฟูที่อยู่ตรงข้ามเขตสุสานทหารพลีชีพเดียนเบียนฟูบนเนินเอ 1 ใจกลางเมืองเดียนเบียนฟู นักท่องเที่ยวจะได้ชมพื้นที่จัดแสดงสิ่งของวัตถุและภาพถ่ายตามหัวข้อต่างๆเกี่ยวกับยุทธนาการเดียนเบียนฟูกว่า 400 ภาพ นักท่องเที่ยวหลายคนมีความประทับใจเกี่ยวกับการเยือนที่ทำการศูนย์บัญชาการยุทธนาการเดียนเบียนฟูที่ตั้งอยู่ในป่าดงดิบที่ตำบลเหมื่องฟัง ซึ่งยังคงมีป้อม หอสังเกตการณ์ อุโมงสื่อสาร กระท่อมที่ใช้เป็นที่พักและที่ทำงานของพลเอกหวอเงวียนย้าป ส่วนอุโมงเดอ กัสตรีส์ก็ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวฝรั่งเศส นาย Didiel นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเผยว่า “ผมมาพิพิธภัณฑ์เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อช่วงชิงเสรีภาพของประชาชาติเวียดนามและรู้สึกเสียใจเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสแต่ก็เข้าใจว่า นี่เป็นชัยชนะแห่งเสรีภาพและเอกราช ชัยชนะนี้ได้ก้าวข้ามขอบเขตของยุทธนาการทางทหาร ก้าวข้ามชัยชนะและความพ่ายแพ้ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า ประชาชาติเวียดนามเป็นหนึ่งเดียว”
ภายในอุโมงเดอ กัสตรีส์ |
สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ได้เกิดและโตในยุคแห่งสันติภาพ การที่ได้เดินทางไปเที่ยวโบราณสถานแห่งนี้ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า และได้ช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในชาติในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่นี้ นางสาวเหงียนถิบิ๊กหงอก จากจังหวัดหลางเซินกล่าวว่า “ดิฉันรู้จักชัยชนะเดียนเบียนฟูผ่านบทเรียนเท่านั้นและนี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันมาที่นี่ ฉันอยากมาที่นี่เพื่อจะได้ศึกษาว่า บรรพบุรุษได้ชนะศัตรูผู้รุกรานอย่างไร ได้ไปเยือนอุโมงเดอ กัสตรีส์และจุดธูปรำลึกถึงทหารพลีชีพเพื่อชาติ ดิฉันรู้สึกภูมิใจในเกียรติประวัติที่รุ่งโรจน์นี้เป็นอย่างมาก”
พร้อมกับการประชาสัมพันธ์และแนะนำทัวร์เที่ยวโบราณสถานต่างๆในท้องถิ่น ในโอกาสฉลองครบรอบ 63 ปีวันชัยชนะเดียนเบียนฟู ทางการจังหวัดเดียนเบียนยังจัดกิจกรรมวัฒนธรรมและการกีฬาโดยมีชนกลุ่มน้อยต่างๆในท้องถิ่นเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งภายหลัง 63 ปีเดียนเบียนฟูที่เคยมีแต่หลุมเพลาะและห่ากระสุนระเบิดก็ได้พัฒนาเป็นนครที่ทันสมัยและประชาชนมีชีวิตที่อิ่มหนำผาสุก.
Le Phuong - VOV5