นาย เจิ่นก๊วกอานและภรรยาคือ นาง เฟือง

โรงงานผลิตเนื้อแดดเดียว เติมอาน ของนาย เจิ่นก๊วกอานและภรรยาคือ นาง เฟือง เปิดมากว่า 10 ปีแล้ว โดยผลิตภัณฑ์หลักคือเนื้อแดดเดียวที่ทำจากวัวที่เลี้ยงตามธรรมชาติบวกกับเคล็ดลับในการทำแบบเวียดนาม ก่อนเดินทางไปทำงานในประเทศลาว นาย อานและภรรยา มีอาชีพเสริมที่เวียดนามคือทำหมูยอและเนื้อรมควัน หลังจากเดินทางไปเยี่ยมลูกชายที่ทำงานในประเทศลาว และได้ลิ้มลองเนื้อแดดเดียวจากฝีมือของชาวลาว นาย อานและภรรยามีความคิดที่จะทำเมนูนี้ตามรสชาติของเวียดนาม เมื่อกล่าวถึงเหตุผลที่มีความผูกพันกับอาชีพทำเนื้อแดดเดียว นาย อาน เผยว่า “ผมคือเจ้าหน้าที่เกษียณอายุราชการ ลูกทำงานที่ประเทศลาว เมื่อปี 2010 ผมและภรรยามาเยี่ยมลูกที่ประเทศลาว และในขณะที่อยู่ในประเทศลาวก็เห็นว่า ผู้บริโภคนิยมเนื้อแดดเดียวมาก ดังนั้นครอบครัวได้พัฒนาอาชีพนี้ เนื้อวัวที่นี่ปลอดสารพิษ เพราะวัวกินหญ้าเท่านั้น ไม่เลี่ยน ดังนั้นอร่อยมาก”

จากแนวคิดดังกล่าว นาย อานและภรรยาก็ได้ทำเนื้อแดดเดียวขาย ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นาง เฟือง เผยว่า หลังจากประกอบอาชีพนี้เป็นเวลานาน เธอและสามีได้เปิดสาขาผลิตเนื้อแดดเดียวที่นครโฮจิมินห์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเนื้อแดดเดียวกลับประเทศ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเนื้อวัวของเวียดนามนุ่มเกินไป  ดังนั้นเมื่ออบแห้ง เนื้อจึงไม่แข็งเหมือนเนื้อวัวลาว

วัว 1 ตัวมีเนื้อน่อง 2 มัดที่สามารถทำเนื้อแดดเดียวเท่านั้น

ตอนเช้าคือช่วงเวลาที่นาย อานและภรรยา ยุ่งที่สุด เพราะ เนื้อสดได้ถูกส่งมาเพื่อเตรียมทำเป็นเนื้อแดดเดียว ในการพูดคุยเกี่ยวกับเคล็ดลับในการประกอบอาชีพนี้  นาย อาน เผยว่า ขั้นตอนการเลือกเนื้อมีความสำคัญที่สุด เพราะเนื้อแดดเดียวจะอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ “วัว 1 ตัวมีเนื้อน่อง 2 มัดที่สามารถทำเนื้อแดดเดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้เนื้อส่วนอื่นได้เพราะมีเส้นเอ็นมากและกินไม่ได้ หั่นเนื้อตามลาย แล้วก่อนนำไปอบก็ต้องหมักกับเครื่องเทศที่ประกอบด้วย ขิงเพื่อดับกลิ่นสาบวัว นอกจากนี้ก็มีเกลือ น้ำตาล พริกไทย ผงชูรส น้ำปลา พริก โดยเฉพาะมะแขว่น ซึ่งจะทำให้เนื้อแดดเดียวมีรสชาติเหมือนของลาว์”

หลังจากหมักเครื่องเทศประมาณ 2 ชั่วโมงก็นำเนื้อไปเสียบไม้เหล็กแล้วอบให้พอสุกบนเตาถ่าน ในขณะที่อบต้องควบคุมความร้อนและเวลาให้ดี เพราะเนื้อแดดเดียวจะนิ่มและอร่อยหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนนี้ ต่อจากนั้นก็นำไปอบในเตาอบอีก 10-12 ชั่วโมง นาย อาน เผยต่อไปว่า“โรงงานผลิตเนื้อแดดเดียวมีขนาดและเตาหินไม่เหมือนกัน ผมก็ทำเตาแบบง่ายๆ และใช้เหล็กเส้น หลังจากอบเนื้อให้สุกด้วยถ่านไม้ก็จะเอาเนื้อไปอบให้แห้งในเตาอบอีกทีเสร็จแล้วก็เอาออกมาพักให้เย็น แล้วไปบรรจุในถูงสูญอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้า ซึ่งสามารถเก็บได้นานและสะดวกในการขนส่ง”

หลังจากหมักเครื่องเทศประมาณ 2 ชั่วโมงก็นำเนื้อไปเสียบไม้เหล็กแล้วอบให้พอสุกบนเตาถ่าน

ผลิตภัณฑ์เนื้อแดดเดียวของนาย อานและภรรยาได้รับความนิยมจากชาวเวียดนามในประเทศลาว เนื่องจากมีคุณภาพดีและมีรสชาติเหมือนเวียดนาม นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์นี้ยังได้รับความนิยมจากชาวเวียดนามภายในประเทศ และใบสั่งซื้อเนื้อแดดเดียวจากเวียดนามก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นาง เฟืองเผยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งซื้อมากที่สุดในช่วงตรุษเต๊ต โดยเฉลี่ยแต่ละวันต้องใช้เนื้อสดมากถึง 100 กิโลกรัม นาย โจวและนาย มิง เจ้าหน้าที่ข้าราชการที่ไปปฏิบัติงานในประเทศลาวได้เผยว่า “ผมไปทำงานในประเทศลาว ผ่านการแนะนำของเพื่อนๆจึงรู้จักโรงงานผลิตเนื้อแดดเดียว เติมอาน และเพื่อนๆก็ให้ชิม ซึ่งอร่อยมาก ดังนั้นเมื่อมีโอกาสเดินทางไปปฏิบัติงานในประเทศลาวครั้งนี้ ผมก็ซื้อเนื้อแดดเดียวเป็นของฝากให้แก่ครอบครัว” “ที่เวียดนาม ผมก็ชอบทานเนื้อแห้ง แต่ไม่ค่อยเห็นใครขายเนื้อแดดเดียวที่มีรสชาติแบบนี้ เนื้อแดดเดียวนี้มีรสชาติเผ็ด เนื้อแข็งเหนียวพอดียังคงรักษารสหวานของเนื้อได้ดีจึงอร่อยมาก เมนูนี้ใช้เป็นกับแกล้มอร่อยมาก โดยเฉพาะในช่วงอากาศหนาวๆ”

เนื้อแดดเดียวได้รับการรรจุในถูงสูญอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้า

ตามความเห็นของนาย อานและภรรยา ในเวลาที่จะถึง โรงงานผลิตเนื้อแดดเดียวเติมอานจะขยายการผลิต โดยจะรับแรงงานเวียดนามในกรุงเวียงจันทน์เข้าทำงาน ซึ่งจะสร้างงานทำให้แก่ชาวเวียดนามที่นี่และพัฒนาเครื่องหมายการค้าเนื้อแดดเดียวรสชาติเวียดนามในประเทศลาวด้วย.