เรื่องเล่าของทหารผ่านศึกสงครามเดียน เบียน ฟู
Le Phuong-VOV5 -  
( VOVworld )- เมื่อก่อนหน้านี้ ๖๐ ปี ทหารหนุ่ม ฝ่าม ดึ๊ก กือ และเพื่อนทหารร่วมรบมีอายุ๒๐ กว่าปีเท่านั้น และเข้าเป็นทหารของกรมทหารปืนใหญ่ที่เข้าร่วมการสู้รบ ณ เดียน เบียน ฟู เมื่อปีค.ศ.๑๙๕๔ ซึ่งทหารปืนใหญ่เหล่านี้ได้ทำการสู้รบอย่างทรหดอดทนและได้มีส่วนร่วมต่อชัยชนะอันเกรียง ไกร เดียน เบียน ฟูที่เลื่องลือไปทั่วโลก แม้สงครามได้ผ่านพ้นไป แต่ทหารผ่านศึกฝ่าม ดึ๊ก กือ ยังคงจำช่วงเวลาสู้รบอย่างดุเดือดและยากลำบากของทหารปืนใหญ่แห่งกรมทหารปืนใหญ่ ๓๖๗ ด้วยความภาคภูมิ
( VOVworld )-
เมื่อก่อนหน้านี้ ๖๐ ปี ทหารหนุ่ม ฝ่าม ดึ๊ก กือ และเพื่อนทหารร่วมรบมีอายุ๒๐ กว่าปีเท่านั้น และเข้าเป็นทหารของกรมทหารปืนใหญ่ที่เข้าร่วมการสู้รบ ณ เดียน เบียน ฟู เมื่อปีค.ศ.๑๙๕๔ ซึ่งทหารปืนใหญ่เหล่านี้ได้ทำการสู้รบอย่างทรหดอดทนและได้มีส่วนร่วมต่อชัยชนะอันเกรียง ไกร เดียน เบียน ฟูที่เลื่องลือไปทั่วโลก แม้สงครามได้ผ่านพ้นไป แต่ทหารผ่านศึกฝ่าม ดึ๊ก กือ ยังคงจำช่วงเวลาสู้รบอย่างดุเดือดและยากลำบากของทหารปืนใหญ่แห่งกรมทหารปืนใหญ่ ๓๖๗ ด้วยความภาคภูมิ
บรรดาทหารลากเข็นปืนใหญ่อย่างยากลำบาก ( ภาพจากแฟ้ม )
แม้ปีนี้ คุณลุง ฝ่าม ดึ๊ก กือทหารผ่านศึกสงครามเดียน เบียน ฟู จะมีอายุมากกว่า ๘๐ ปีแล้วก็ตาม แต่ท่านยังคงเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการสู้รบของตนเอง ณ สมรภูมิ เดียน เบียน ฟู และของเพื่อนร่วมรบของกรมทหารปืนใหญ่ ๓๖๗ ตามโรเรียนและองค์การมวลชนต่างๆในพื้นที่จังหวัดเดียน เบียน ทั้งนี้เพื่อถ่ายทอดความรักชาติและรักภูมิลำเนาตลอดจนไฟแรงในวัยหนุ่มยามสงครามให้แก่คนรุ่นใหม่ ทุกครั้งที่ไปบรรยายนั้น ท่านมักจะสวมใส่ชุดทหารที่สีตกตามกาลเวลาและติดเหรียญอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างๆที่พรรคและรัฐได้มอบให้เนื่องจากมีส่วนร่วมในยุทธนาการเดียน เบียน ฟูและสร้างผลงานในภารกิจการสร้างสรรค์ประเทศ คุณลุงกือยังจำวันที่ตนเข้าประจำการทหารและร่วมรบในยุทธนาการเดียน เบียน ฟู ได้ โดยเขาเป็นหนึ่งในทหารของกองกำลังทหารหลักของเวียดนามที่ได้รับเลือกไปร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ณ ประเทศจีนเมื่อปีค.ศ.๑๙๕๒ การคัดเลือกทหารปืนใหญ่นั้นเข้มงวดมากโดยต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างเช่น ต้องเป็นทหารที่เคยผ่านศึกสงคราม มีจิตใจที่กล้าหาญและมุ่งมั่น มีสุขภาพแข็งแรงและว่องไวตลอดจนต้องซื่อสัตย์ต่อการปฏิวัติ เมื่อร่วมการฝึกอบรมเสร็จ ปีค.ศ.๑๙๕๓ ทหารหนุ่มกือก็กลับประเทศเข้าร่วมยุทธนาการเดียน เบียน ฟู และเข้าร่วมการเคลื่อนย้ายปืนใหญ่ขึ้นสู่สมรภูมิเดียน เบียน ฟู ตั้งแต่เดือนธันวาคมค.ศ.๑๙๕๓ ถึงต้นเดือนมกราคมค.ศ.๑๙๕๔ ทหารปืนใหญ่ของกรม ๓๖๗ สามารถลากปืนใหญ่ ๑๒ กระบอก แต่ละกระบอกหนัก ๒.๔ ตันขึ้นสู่เดียน เบียน ฟู คุณลุงกือเล่าว่า“ บรรดาทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่เข้าร่วมยุทธนาการฤดูใบไม้ผลิค.ศ. ๑๙๕๔ ยังจำได้ถึงระยะทางลากปืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยความยากลำบากจากหน่า หญาน เข้าสู่ที่ราบเดียน เบียน ฟู่ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของฝรั่งเศส พวกเราลากปืนด้วยแรงคน โดยมีทหารประมาณ ๘๐ – ๑๐๐ นายขนย้ายปืนใหญ่หนึ่งกระบอกหนัก ๒.๔ ตัน การเคลื่อนย้ายปืนใหญ่นั้นทำในช่วงกลางคืนและกลางป่าดง มีบางช่วงทางเป็นโคลน พวกเราต้องเอาหินและตัดต้นไม้สร้างถนนเพื่อลากเข็นปืนใหญ่ และตอนกลางคืนมองอะไรไม่เห็นแต่ไม่สามารถใช้ไฟได้ จะมีทหารสองนายคลุมผ้าขาวเดินข้างหน้าเพื่อนำทาง บางคืนลากปืนได้แค่ ๑ กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งลำบากเป็นอย่างมาก ”
ลากปืนใหญ่ผ่านลำธารและป่าเขา
เวลาใกล้เทศกาลตรุษเต็ตปีมะเมียทหารปืนใหญ่ของกรม ๓๖๗สามารถลากเข็นปืนใหญ่เข้าสู่ที่ตั้งบนเขาซึ่งอยู่ห่างจากเนิน หดก เหลิบ ๔๐๐ เมตร รายล้อมที่ราบเดียน เบียน ฟู อย่างปิดลับมิดชิด โดยฝ่ายฝรั่งเศสมิได้รู้ระแคะระคายมาก่อนเลย สิ่งมหัศจรรย์นี้ถูกสร้างขึ้นจากเรี่ยวแรงของมนุษย์ ความเสียสละและจิตใจต่อสู้อย่างทรหดอดทนของทหารเวียดนาม ภารกิจหลักของทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานคือยิงสนับสนุนทหารราบและทำลายกำลังทหารฝรั่งเศส อีกทั้งต้องปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้กับพลเอก หวอ เงียน ย้าปคือ หน่วยปืนใหญ่แต่ละหน่วยจะยิงเครื่องบินของฝรั่งเศสตก ๑ ลำ คุณลุง กือ เล่าต่อว่า เพื่อทำลายกองกำลังอันแข็งแกร่งของฝรั่งเศสอย่างสิ้นเชิง ทหารปืนใหญ่แต่ละนายต้องประสานปฏิบัติการกันอย่างกลมกลืน คุณลุงกือ เล่าว่า “ ทหารปืนใหญ่ ๗ นายที่ควบคุมปืนใหญ่หนึ่งกระบอกต้องเป็นหนึ่งเดียว แต่ละคนมีหน้าที่ไม่เหมือนกันเช่น บ้างคำนวณวิถีกระสุน บ้างกำหนดอัตราความเร็ว บ้างบรรจุกระสุนเข้ากระบอกปืน บ้างลำเลียงกระสุน บ้างเล็งยิงและบ้างปรับระดับและทิศทางแต่ต้องเป็นหนึ่งเดียวในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยิงถูกเป้าหมาย และจะยิงเมื่อมีคำสั่งเท่านั้น ”
แม้จะยากลำบากและต้องสละเลือดเนื้อแต่กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ๓๖๗ ของนายฝ่าม ดึ๊ก กือ สามารถยิงเครื่องบินของฝรั่งเศสตก ๕๒ ลำและยิงเครื่องบินเสียหายจำนวนหนึ่ง อันเป็นการมีส่วนร่วมในชัยชนะเดียน เบียน ฟู ซึ่งเป็นชัยชนะที่ต้องแลกด้วยชีวิตของทหารหลายๆคนรวมทั้งทหารกรมปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ๓๖๗ ด้วย
ขนย้ายปืนใหญ่เข้าสู่ที่ตั้งสำเร็จ
สงครามได้ผ่านพ้นไป ทหารปืนใหญ่ที่เข้าร่วมยุทธนาการเดียน เบียน ฟู บ้างก็เสียชีวิตและบ้างก็ยังมีชีวิตอยู่ และปัจจุบันเหลือเพียง ๑๐๐ นายเท่านั้น รวมทั้งคุณลุง ฝ่าม ดึ๊ก กือ ด้วย คุณลุงกือ คุยความในใจว่า “ ผมได้แต่งบทกลอนและเขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เพื่อลืมความลำบากยากเข็ญในชีวิตทหารเพื่อสบายใจมากขึ้น พวกผมโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้พบปะพูดคุยกับคนรุ่นใหม่เกี่ยวกับช่วงชีวิตที่ยากลำบากในการสู้รบที่เดียน เบียน ฟูแต่เกรียงไกรอย่างน่าภาคภูมิ ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้คุยกับเด็กๆ เพราะอีก ๑๐ ปีคือการฉลองชัยชนะเดียน เบียน ฟู ครบรอบ ๗๐ ปีเราคงจะไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว ”
พลเอกหวอ เงวียน ย้าป รายงานยุทธนาการเดียน เบียน ฟู
เรื่องเล่าของคุณลุง ฝ่าม ดึ๊ก กือ เกี่ยวกับยุทธนาการเดียน เบียน ฟู และชีวิตการเป็นทหารปืนใหญ่ในยุทธนาการเมื่อ ๖๐ ปีก่อนนั้นเสมือนภาพยนตร์ตอนหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตทหารในกรมทหารปืนใหญ่ ต่อสู้อากาศยาน ๓๖๗ ที่ช่วยให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานเข้าใจและรู้สึกภาคภูมิใจในชัยชนะเดียน เบียน ฟู อันเลื่องลือไปทั่วโลกของกองทัพเวียดนาม ./.
Le Phuong-VOV5