การดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอใน 6 เดือนที่ผ่านมา

(VOVWORLD) - ใน เดือนที่ผ่านมา รัฐบาล กระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นได้เป็นฝ่ายรุกในการเข้าถึงและแก้ไขอุปสรรคทางนิตินัยในการลงทุนและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการ ซึ่งช่วยให้เงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอที่ไหลเข้าเวียดนามบรรลุผลที่น่ายินดี คือเกือบ หมื่น พัน ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่น่ายินดีคือ การดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอของเวียดนามได้รับการพยากรณ์ว่า จะธำรงอัตรานี้ได้ในเวลาต่อๆไป
การดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอใน 6 เดือนที่ผ่านมา - ảnh 1นาย เจิ่นก๊วกเฟือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุน (Photo baotintuc.vn)

ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ยอดเงินลงทุนงวดใหม่และการปรับเพิ่มเงินลงทุนต่างเพิ่มขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 46.9 และร้อยละ 35 ในขณะที่ยอดเงินทุนจริงอยู่ที่กว่า 1 หมื่น 8 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการเพิ่มขึ้นทั้งเงินลงทุนจดทะเบียนและเงินลงทุนที่เกิดขึ้นจริงได้สนับสนุนการผลิตภายในประเทศอย่างเข้มแข็ง ซึ่งน่าสนใจคือ คุณภาพของโครงการลงทุนต่างมีการปรับปรุงอย่างที่น่ายินดี โดยเฉพาะโครงการใหญ่ๆ ในด้านที่สำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ พลังงาน อะไหล่ ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ยอดเงินลงทุนเอฟดีไอที่เพิ่มขึ้นนั้นเนื่องมาจากจังหวัดและท้องถิ่นต่างๆ พยายามปฏิรูประเบียบราชการและมีความคล่องตัวในการส่งเสริมการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น จังหวังหวิงฟุ๊ก ซึ่งเป็นจังหวัดเดินหน้าในการปรับปรุงบรรยากาศการลงทุนประกอบธุรกิจและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ โดยใน 6 เดือนที่ผ่านมา ยอดเงินทุนเอฟดีไออยู่ที่กว่า 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าแผนที่วางไว้ของทั้งปีถึงเกือบร้อยละ 9 ผลสำเร็จดังกล่าวมาจากการที่ทางการจังหวัดฯ ได้เป็นฝ่ายรุกในการดึงดูดโครงการเอฟดีไอที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีมูลค่าเพิ่มสูง จัดสรรข้อมูลที่จำเป็นให้แก่นักลงทุนอย่างทันการณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเข้าใจบรรยากาศและนโยบายการดึงดูดการลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ของจังหวัดฯ นาย เหงียนซวนเฟือง หัวหน้าคณะกรรมการบริหารเขตนิคมอุตสาหกรรมจังหวัดหวิงฟุ๊กเผยว่า

“ทางจังหวัดถือว่า นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในจังหวัด เป็นพลเมืองของจังหวัด ซึ่งการประกอบธุรกิจนั้นก็เหมือนที่พวกเขากำลังประกอบธุรกิจที่บ้านเกิด จึงต้องมีบรรยากาศที่เอื้ออำนวย ดังนั้น ในการเดินพร้อมกับสถานประกอบการ เราได้ปฏิรูประเบียบราชการตามแนวทางที่เพิ่มการทำแบบออนไลน์ และก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่โตเพื่อดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น”

นอกจากจังหวัดหวิงฟุ๊ก จังหวัดบั๊กนิงห์ จังหวัดบ่าเหรียะ หวุงเต่า จังหวัดกว๋างนิงห์ กรุงฮานอย นครไฮฟอง นครโฮจิมินห์และจังหวัดด่งนาย ล้วนเป็นท้องถิ่นเดินหน้าในการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอเนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างดี แหล่งบุคลากรที่มีเสถียรภาพและความพยายามของทางการท้องถิ่นในการใช้มาตรการแก้ไขอย่างพร้อมเพรียงเพื่อเอื้อให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจ ผลักดันการฟื้นฟูและการขยายตัวของเศรษฐกิจ นาง เจิ่นถวี่จาง รองผู้อำนวยการบริษัท Jasan Vietnam จำกัดในเขตนิคมอุตสาหกรรม VSIP ถวีเงวียน นครไฮฟอง กล่าวว่า

 “ในฐานะสถานประกอบการเอฟดีไอ เราเห็นความคืบหน้าและการปฏิรูปของระเบียบราชการต่างๆ ในบรรกาศการลงทุนที่นครไฮฟองนับวันดีขึ้น กระทรวง หน่วยงานและทางการนครฯ มีความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อตอบคำถามต่างๆ ของสถานประกอบการ เมื่อก่อนนี้ เราต้องใช้เวลาประมาณ 15-20 เพื่อรอคำตอบ แต่ขณะนี้ มักจะได้รับคำตอบภายในวันเดียว การปฏิรูปนี้ได้อำนวยความสะดวกให้เราสามารถขยายการลงทุนในนครไฮฟองมากขึ้น”

จากการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอที่น่ายินดีใน 6 เดือนที่ผ่านมา สถาบันการเงินทั้งภายในและต่างประเทศหลายแห่งได้ให้ข้อสังเกตว่า ศักยภาพการดึงดูดเงินลงทุนเอฟดีไอของเวียดนามในปีนี้จะบรรลุผลที่น่ายินดีต่อไป การขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนามจะดีขึ้นในปีนี้และนับวันมีบทบาทสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในห่วงโซ่อุปทานที่หลากหลายของผู้ผลิตข้ามชาติ นอกจากนั้น ความไว้วางใจของนักลงทุนต่อเวียดนามก็ได้รับการเสริมสร้างอีกด้วย นาย เจิ่นก๊วกเฟือง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ยืนยันว่า

“นักลงทุนเห็นว่า เวียดนามมีความพร้อมดึงดูดโครงการลงทุนต่างๆ เพราะมีเงื่อนไขขั้นพื้นฐาน เช่น ที่ดิน พลังงานและแหล่งบุคลากร กระทรวงวางแผนและการลงทุนได้รับมอบหมายหน้าที่เตรียมฝึกอบรมวิศวกรและแรงงานที่มีคุณภาพสูงในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและเซมิคอนดักเตอร์ 50,000 คน ซึ่งในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกนั้น ถ้าหากเราปรับปรุงสถานะบนเวทีโลกได้ ก็จะเป็นพื้นฐานให้เราเข้าร่วมห่วงโซ่ต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจ การผลิตและประกอบธุรกิจ”

ปัจจุบันนี้ เวียดนามกำลังลงทุนในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยเฉพาะในด้านนวัตกรรมและดิจิทัล ซึ่งช่วยให้สถานะของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นับวันได้รับการยกระดับให้ดีขึ้น ซึ่งนับวันมีเครือบริษที่ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิสก์เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น

จากสัญญาณที่น่ายินดีดังกล่าว รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะออกคำสั่งอย่างทันการณ์และมีมาตรการแก้ไขอย่างเด็ดขาดต่อไปเพื่อช่วยให้การลงทุนเอฟดีไอใน 6 เดือนที่เหลือของปีนี้สามารถธำรงอัตราการขยายตัวและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ของปีนี้ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด