การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือกุญแจการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดกว๋างนิงห์

(VOVWORLD) -การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว  มุ่งสู่เศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนคือเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของทั้งประเทศเวียดนาม จังหวัดกว๋างนิงห์ เป็นหนึ่งในท้องถิ่นที่ประสบผลที่น่ายินดีในการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะในระยะปี 2020-2025 และปีต่อๆไป ทางจังหวัดยังคงยืนหยัดทัศนะและแนวทางนี้ต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายอันสูงส่งนี้ให้ได้
การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือกุญแจการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดกว๋างนิงห์ - ảnh 1 เหมืองถ่านหินที่จังหวัดกว๋างนิงห์

เมื่อ 10 ปีก่อน การเดินทางจากกรุงฮานอยไปยังจังหวัดกว๋างนิงห์ จะต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง จนเส้นทาง 300 ก.ม.นี้ถูกตั้งฉายาว่าเป็น "เส้นทางแห่งความลำบาก" ที่เมื่อพูดถึงแล้ว ทุกคนก็มักจะนึกถึงสภาพถนนที่เต็มไปด้วยฝุ่นในวันแดดร้อนและเต็มไปด้วยโคลนเฉอะแฉะในวันที่มีฝนตก

ที่จังหวัดกว๋างนิงห์ อุตสาหกรรมมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 60 ในองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ ซึ่งในนั้น อุตสาหกรรมถ่านหินมีส่วนร่วมต่อ GDP ของท้องถิ่นถึงกว่าร้อยละ 60  แต่การเปิดทำเหมืองถ่านหินกว่า 240 แห่งก็ได้สร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมรวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ปูนซีเมนต์ อู่ต่อเรือที่ตั้งริมฝั่งอ่าวฮาลองก็ได้ส่งผลกระทบไม่น้อยต่อระบบนิเวศ การท่องเที่ยว แหล่งสัตว์น้ำและเศรษฐกิจทางทะเล แต่เมื่อกลับมาเยือนจังหวัดกว๋างนิงห์ในช่วงหลายปีมานี้ นักท่องเที่ยวจะเห็นโฉมใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อข้ามสะพานแบ่กดั่ง ไม่เห็นฝุ่นไม่เห็นโคลนอีก และการเดินทางจากกรุงฮานอยไปยังจังหวัดกว๋างนิงห์ใช้เวลาแค่ 1.5 ชั่วโมงเท่านั้นด้วยทางไฮเวย์ฮาลอง-ไฮฟอง

ควบคู่กันนั้น โครงการต่างๆ เช่น สนามบินนานาชาติเวินโด่น ซึ่งเป็นสนามบินเอกชนแห่งแรก ไฮเวย์ฮาลอง_เวินโด่น ท่าเรือนานาชาติฮาลอง ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือโดยสารนานาชาติเฉพาะกิจแห่งแรกของเวียดนามก็ได้สร้างก้าวกระโดดในการเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัด

นอกจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวของจังหวัดกว๋างนิงห์นับวันก็มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากและพัฒนาเป็นเศรษฐกิจหลักของจังหวัด โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวจังหวัดในปี 2019 บรรลุประมาณ 14 ล้านคน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเกือบ 5.8 ล้านคน ในสภาวะการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน ทางการจังหวัดได้เน้นพัฒนาการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวประมาณ 3 ล้านคนในช่วงปลายปีนี้ นาย เหงียนเท้เหวะ รองนายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดกว๋างนิงห์เผยว่า “ บริษัทนำเที่ยวต่างๆ กำลังจัดทัวร์ที่น่าสนใจ โดยเตรียมพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เรือ ที่พัก ลดราคาและจัดโครงการโปรโมชั่นต่างๆ พวกเราได้ประสานงานกับสำนักงานที่เกี่ยวข้องไปส่งเสริมการท่องเที่ยวในต่างจังหวัดและเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น”

ในการเปลี่ยนแปลงใหม่ตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมถ่านหินได้มีการปฏิรูปอย่างรวดเร็วโดยทางการจังหวัดได้ผลักดันการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ “เหมืองแร่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมืองแร่ที่ทันสมัยและใช้กรรมกรจำนวนน้อยที่สุด” นาย เหงียนซวนกี๊ เลขาธิการพรรคสาขาจังหวัดกว๋างนิงห์กล่าวว่า หนึ่งในจุดเด่นที่ทางการท้องถิ่นทำได้ในวาระที่ผ่านมาคือการปฏิบัติแนวทางพัฒนาตัวเมือง เขตนิคมอุตสาหกรรมและเขตเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจจุดผ่านแดนม้องก๊าย เขตเศรษฐกิจเวินโด่นและเขตเศรษฐกิจริมฝั่งทะเลกว๋างเอียนที่เพิ่งได้รับการก่อสร้างแล้วเสร็จ ถือเป็นก้าวกระโดดที่คล่องตัวเพื่อสร้างตัวเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทันสมัยและอัจฉริยะในอนาคต

การพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือกุญแจการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดกว๋างนิงห์ - ảnh 2 โฉมใหม่ของจังหวัดกว๋างนิงห์

สิ่งที่น่ายินดีคือในจังหวัดกว๋างนิงห์ นับวันมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนในโครงการอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งเข้าร่วมการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการ ท่าเรือทะเลและโลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ในปี 2020  จังหวัดกว๋างนิงห์ได้ประสบผลที่น่ายินดีต่างๆจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเศรษฐกิจสังคมได้พัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืนและถึงปลายปี 2020  อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในจังหวัดกว๋างนิงห์ก็อยู่ในระดับสูงและมีเสถียรภาพถ้าหากเปรียบเทียบกับท้องถิ่นอื่นๆ โดยคิดเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ร้อยละ 10.7

ในการหารือกับจังหวัดกว๋างนิงห์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุ๊กได้ยืนยันว่า “การพัฒนาอย่างเข้มแข็งของจังหวัดในเวลาที่ผ่านมามีส่วนร่วมของทั้ง “ทองดำ” คือถ่านหินและ “ทองเขียว” คือการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราสามารถเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวของจังหวัดที่มีริมฝั่งทะเลสวยงาม สะอาดและมีชื่อเสียงของประเทศ ตอนนี้จังหวัดกว๋างนิงห์ได้เป็นตัวอย่างแห่งการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศแล้ว”

จากความได้เปรียบในด้านภูมิรัฐศาสตร์ มีพรมแดนทางบกและทางทะเลที่สะดวกในการค้าขายมากกว่าท้องถิ่นอื่นๆ จังหวัดกว๋างนิงห์มีศักยภาพเป็นอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม - สังคมที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของเวียดนาม เช่น ป่าไม้ ทรัพยากร ทะเล การท่องเที่ยว เขตชายแดนและการค้า ความตั้งใจเปลี่ยนแปลงใหม่ตามแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ประสบผลที่น่ายินดีในเบื้องต้นนั้นถือเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่ท้องถิ่นอื่นๆทั่วประเทศปฏิบัติตาม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด