สถานประกอบการนครโฮจิมินห์เปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน

(VOVworld) –  ตามการพยากรณ์ สถานการณ์เศรษฐกิจในปี๒๐๑๔จะประสบอุปสรรคนานัปการ ทั้งตลาดซบเซา กำลังซื้อที่ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนักและปัญหาในการกู้เงินจากธนาคาร ต่อสถานการณ์ดังกล่าว สถานประกอบการจำนวนมากในนครโฮจิมินห์กำลังเสริมสร้างแหล่งพลังและยกระดับทักษะ ศึกษาความต้องการของตลาด และวางมาตรการที่สอดคล้องเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน

(VOVworld) –  ตามการพยากรณ์ สถานการณ์เศรษฐกิจในปี๒๐๑๔จะประสบอุปสรรคนานัปการ ทั้งตลาดซบเซา กำลังซื้อที่ยังไม่เพิ่มขึ้นมากนักและปัญหาในการกู้เงินจากธนาคาร ต่อสถานการณ์ดังกล่าว สถานประกอบการจำนวนมากในนครโฮจิมินห์กำลังเสริมสร้างแหล่งพลังและยกระดับทักษะ ศึกษาความต้องการของตลาด และวางมาตรการที่สอดคล้องเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน

สถานประกอบการนครโฮจิมินห์เปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน - ảnh 1
การผลิตรองเท้าของบริษัทรองเท้าเหวียนถิ่ง(Photo: VOV)

       บริษัทรองเท้าเหวียนถิ่งได้ก่อตั้งเมื่อ๕ปีก่อนซึ่งตรงกับช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศซบเซา โดยเฉพาะ ในเวลาที่ผ่านมา สถานประกอบการเครื่องหนังและรองเท้าหลายแห่งในนครโฮจิมินห์ต้องล้มละลายหรือหยุดดำเนินการชั่วคราวแต่การผลิตและประกอบธุรกิจของบริษัทนี้ยังคงมีเสถียรภาพ และมีอัตราการขยายตัวร้อยละ๓๐ต่อปี ซึ่งผลสำเร็จนี้มาจากการที่ทางบริษัทให้ความสำคัญต่อการพัฒนาตลาดภายในประเทศโดยเฉพาะตลาดในชนบทซึ่งถือเป็นแนวทางที่ถูกต้องของบริษัทโดยทุกปีทางบริษัทได้ลงทุนนับหมื่นล้านด่งในการพัฒนาระบบการผลิตให้ทันสมัยเพื่อสร้างก้าวกระโดดให้แก่ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังรองเท้าแฟชั่นซึ่งจนถึงปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เครื่องหนังรองเท้าร้อยละ๘๐ ภายใต้ยี่ห้อVitco Rich Ever และHodonoของบริษัทได้รับการจำหน่ายในทั่วประเทศ นายเลิมตุ่งกวน รองผู้อำนวยการบริษัทเผยว่า“ตลาดภายในประเทศเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่เราต้องศึกษาให้ลึกซึ้ง บริษัทรองเท้าเหวียนถิ่งเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีคุณภาพสูงเพราะนำเข้าระบบการผลิตจากต่างประเทศ ส่วนพนักงานที่มีประสบการณ์ทำงานในสถานประกอบการต่างประเทศนับสิบปีแล้วเข้ามาทำงานในบริษัทเราเพื่อผลิตสินค้าให้แก่ชาวเวียดนามโดยมีวัตถุประสงค์ยกระดับคุณภาพสินค้าของเวียดนามให้ดีขึ้น”

ปัจจุบัน สถานประกอบการแต่ละแห่งในนครโฮจิมินห์ต่างแสวงหามาตรการเฉพาะ มีสถานประกอบการหลายแห่งลงทุนติดตั้งระบบการผลิตที่ทันสมัยและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาตลาดภายในประเทศ เช่นๆ สหพันธ์สหกรณ์การค้านครโฮจิมินห์หรือไซ่ง่อนCo.op ได้ขยายจุดขายสินค้าใหม่ๆและพยุงราคาสินค้าตามที่ได้รับมอบหมายจากทางนครเป็นอย่างดีโดยในปีนี้จะเน้นการขายปลีกต่อไปและผลักดันความร่วมมือกับบริษัทอื่นๆภายในประเทศเพื่อร่วมกันส่งเสริมจุดแข็งและประกอบธุรกิจในระยะยาว นอกจากนี้ ทางไซ่ง่อนCo.op ยังลงทุนด้านโลจิสติกเพื่อตอบสนองความต้องการของการสำรองและจัดสรรสินค้าให้แก่ซุปเปอร์มาเก็ตและร้านสะดวกซื้อต่างๆ  นายเหงวียนหงอกหว่า ประธานกรรมการบริหารไซ่ง่อนCo.op  เผยว่า“พวกเราปฏิบัติยุทธศาสตร์สร้างความหลากหลายให้แก่รูปแบบธุรกิจต่อไป ปรับปรุงconcept ให้มีความสมบูรณ์และพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ  เช่น ซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่และศูนย์การค้าในรูปแบบซิตีคอมเพล็กซ์และรูปแบบธุรกิจอื่นๆพร้อมทั้งลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์”

ปัจจุบัน บรรดาสถานประกอบการเวียดนามมีข้อจำกัดด้านเงินทุน ทักษะการบริหารและระบบการผลิตที่ทันสมัย ดังนั้น ผลิตภัณฑ์จึงไม่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงนัก ตามไม่ทันตลาด ขาดการประชาสัมพันธ์และการปกป้องเครื่องหมายการค้า ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ถ้าสถานประกอบไม่มีความเข้มแข็งเพียงพอ บรรดาสถานประกอบการในแขนงอาชีพเดียวกันควรร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือกันในขั้นตอนการผลิตเพื่อสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้งแต่บัดนี้ถึงปี๒๐๑๕ ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือTPPได้รับการลงนาม  คำมั่นผสมผสานในด้านภาษีได้รับการปฏิบัติ การแข่งขันด้านภาษีจะมีความดุเดือดมาก นอกจากความช่วยเหลือจากทางนครและสมาพันธ์นักธุรกิจแล้ว บรรดาสถานประกอบการต้องประเมินทักษะของตนเพื่อเลือกมาตรการที่เหมาะสมให้แก่ตนเอง นายฝ่ามหงอกฮึงอุปนายกสมาพันธ์นักธุรกิจนครโฮจิมินห์กล่าวว่า “สิ่งแรกที่ต้องทำคือ บรรดาสถานประกอบการต้องประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของตน และต้องศึกษาตลาดเพื่อวางมาตรการและยุทธศาสตร์ให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะ ต้องเลือกผลิตสินค้าที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน  ได้รับความนิยมในตลาดและสอดคล้องกับทักษะของสถานประกอบการซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเห็นว่า  ตั้งแต่บัดนี้ถึงปี๒๐๑๕ การแข่งขันระหว่างสถานประกอบการจะมีความดุเดือดเป็นอย่างยิ่งเพราะเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของTPPซึ่ง

ในตอนนั้น ภาษีสินค้านำเข้าจะอยู่ที่๐% และผลิตภัณฑ์ของเวียดนามต้องแข่งขันอย่างเสมอภาคตามกลไกตลาด นี่จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับสถานประกอบการเวียดนาม  ดังนั้น นอกจากการใช้ประโยชน์จากนโยบายให้สิทธิพิเศษต่างๆของรัฐแล้ว บรรดาสถานประกอบการจะต้องวางมาตรการและยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน./.

Lan Anh– Vĩnh Phong


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด