ตอบจดหมายคุณผู้ฟังวันที่ 13 ตุลาคม

(VOVWORLD) - ทางผู้จัดทำรายการได้รับคำตอบจากคุณผู้ฟังที่ส่งมาเข้าร่วมมินิเกมส์ประจำเดือนตุลาคม โดยคำถามคือ ชุดประจำชาติของสตรีเวียดนามเรียกว่าอะไร และมีความคิดเห็นอย่างไรกับชุดประจำชาตินี้ ซึ่งคำถามนี้ถือว่าง่ายมาก ถ้าหากคุณผู้ฟังอยากได้ของที่ระลึกที่น่ารักๆเกี่ยวกับประเทศเวียดนามก็อย่าพลาดโอกาสนี้โดยรีบส่งคำตอบมาเลยนะคะ สำหรับผลการแข่งขันมินิเกมส์ประจำเดือนตุลาคม ทางเราจะประกาศในต้นเดือนหน้า
ตอบจดหมายคุณผู้ฟังวันที่ 13 ตุลาคม - ảnh 1ประชาชนอินโดนีเซียได้รับความเส่ียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ (AFP) 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนกระจายเสียงต่างประเทศได้รับอีเมล์ จดหมายและคอมเมนท์ 260 ฉบับจากผู้ฟัง 42 ประเทศและดินแดน โดยหน่วยอาเซียนซึ่งมีรายการภาคภาษาลาว กัมพูชา อินโดนีเซียและไทยได้รับอีเมล์ จดหมายและคอมเมนท์ 64 ฉบับ

ผู้ฟังหลายท่านของรายการภาคภาษาลาว อินโดนีเซีย กัมพูชาและไทยได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อประชาชนเวียดนามและครอบครัวของเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม โด๋เหมื่อย เนื่องจากการถึงแก่อสัญกรรมของท่าน

ส่วนคุณ Minin จากอินโดนีเซีย ได้เขียนว่า ชอบภาพผู้สื่อข่าวของรายการภาคภาษาอินโดนีเซียในชุดบาติก และอวยพรวันบาติกแห่งชาติอินโดนีเซีย

หลังจากทราบข่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติงบฉุกเฉิน  1 แสนดอลลาร์สหรัฐเพื่อช่วยเหลือรัฐบาลอินโดนีเซียแก้ไขผลเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ ณ เมืองปาลู และตัวเมือง Dongala จังหวัดสุลาเวสี ผู้ฟังหลายคนของรายการภาคภาษาอินโดนีเซียได้ส่งจดหมายมาขอบคุณการช่วยเหลือ น้ำใจของรัฐบาลเวียดนามและประชาชนเวียดนามให้แก่ผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในอินโดนีเซีย

นอกจากนั้น หลังจากทราบข่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมปี 2018 ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ Sedan และรถยนต์ SUV ของบริษัท VinFast ซึ่งเป็นรถยนต์สัญชาติเวียดนามในงาน Paris Motor Show ครั้งที่ 120 ปี 2018 ซึ่งได้ดึงดูดความสนใจจากนักวิชาการและสื่อระหว่างประเทศ และได้รับรางวัล “ดาวรุ่ง” จาก Autobest ซึ่งเป็นองค์การชั้นนำด้านรถยนต์ในยุโรปก็มีผู้อ่านชาวไทยได้แซร์ข่าว พร้อมชื่นชมอุตสาหกรรมรถยนต์ของเวียดนาม

ตอบจดหมายคุณผู้ฟังวันที่ 13 ตุลาคม - ảnh 2บทความเกี่ยวกับฮานอยของคุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ได้รับการลงบนเว็ปไซต์ aseanwacth.org ภาษาไทย ที่จัดสรรข้อมูลในทุกด้านเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ซึ่งเป็นผู้ฟังที่เข้าร่วมการแข่งขันมินิเกมส์ประจำเดือนอย่างต่อเนื่องได้ส่งบทความเกี่ยวกับฮานอยที่กล่าวถึงความรักและความทรงจำของคุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ต่อเมืองหลวงของเวียดนาม ในรายการตอบจดหมายวันนี้ ทางผู้จัดทำรายการขอคัดเสนอเนื้อหาบทความดังกล่าว

“จุดเริ่มต้นความรักและความหลงใหลในประเทศเวียดนามของผมมาจากอาจารย์สอนภาษาเวียดนามท่านหนึ่งที่ชื่อ “โกซุง” ( “โก” หมายถึง อาจารย์ผู้หญิง ส่วนคำว่า “ซุง” คือชื่อภาษาเวียดนามของท่าน) ซึ่งเป็นคนแรกที่นำพาผมเข้าสู่โลกของการเรียนภาษาและวัฒนธรรมเวียดนาม “โกซุง” ถือเป็นผู้ปลุกความรักและความกระหายใคร่รู้เกี่ยวกับประเทศเวียดนาม กระทั่งทำให้ผมต้องหันมาสนใจศึกษาภาษาและวัฒนธรรมเวียดนามอย่างเอาจริงเอาจัง และเรียกได้นี่เป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาซึ่งนำพาผมมารู้จักกับประเทศเวียดนามอย่างแท้จริงจนนำไปสู่การเดินทางเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในเวียดนามหลายครั้งโดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 15-21 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งผมมีโอกาสไปเยือนเวียดนามอีกครั้ง โดยครั้งนี้ไปเยือนนครหลวงฮานอยอีกครั้ง ซึ่งถ้าจำตัวเลขไม่ผิดครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งที่ 13 ของผมดังนั้น กล่าวได้ว่าฮานอยคือหนึ่งในสถานที่ผมผูกพันและคุ้นเคยมากที่สุดแห่งหนึ่งอย่างไรก็ตามการเยือนฮานอยของผมในแต่ละครั้งผมจะไปในบทบาทที่แตกต่างกันออกไปตามวาระและโอกาสของชีวิต เพราะเมื่อเป็นนักศึกษาก็จะไปในฐานะผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาก็ไปในฐานะนักท่องเที่ยวหรือบางครั้งก็ไปในฐานะมัคคุเทศก์ให้กับเพื่อนๆแต่ครั้งล่าสุดนี้จะแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ เพราะผมไปในฐานะนักวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลด้านการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรการท่องเที่ยวในมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆในเมืองฮานอย

แม้บทบาทการไปเยือนเวียดนามแต่ละครั้งจะแตกต่างกันทว่าบทบาทของผู้กระหายใคร่รู้เกี่ยวกับสังคม วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเวียดนาม โดยเฉพาะเมืองใหญ่อย่างฮานอยยังคงพล่านในความรู้สึก เพราะในวันที่ผมและคณะว่างเว้นจากการเก็บข้อมูลวิจัย ผมและทีมวิจัยได้ไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆหลายแห่งของเมืองฮานอย เช่นวัดเสาเดียว สุสานลุงโฮ พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยาเวียดนาม ทะเลสาบคืนดาบ และสะพานเทฮุก

การมาเวียดนามครั้งนี้ เรียกได้ว่าผมและทีมวิจัยมาพร้อมกับแรงปรารถนาให้การเก็บข้อมูลวิจัยดำเนินการไปด้วยราบรื่น ฉะนั้น สถานที่แรกที่ผมนำทีมวิจัยไปคือวัดเสาเดียว ซึ่งวัดแห่งนี้มีลักษณะแตกต่างไปจากวัดทั่วๆไป เนื่องจากเป็นเจดีย์หลังเล็กๆภายในประดิษฐานพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร ตั้งอยู่บนเสาเพียงต้นเดียวกลางสระบัว เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะตำนานกล่าวไว้ว่า ในสมัยพระเจ้าหลีถายโต่ พระองค์อยากได้โอรสมาก และรอคอยมาเป็นเวลานาน กระทั่งคืนวันหนึ่ง พระองค์ทรงสุบินเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิมปรากฏกายที่สระบัว แล้วท่านประทานโอรสให้กับพระองค์ หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ก็ได้มีพระโอรส จากนั้นจึงทรงให้สร้างเจดีย์ขนาดเล็กบนเสาต้นเดียวไว้กลางสระบัวเพื่อถวายเจ้าแม่กวนอิม ในปี คศ. 1049 ดังนั้น เมื่อต้องการบุตร คนส่วนใหญ่จะนิยมเดินทางมาที่วัดเสาเดียวแต่เนื่องจากผมและทีมวิจัยยังคงโสด     พรที่ขอจึงเกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นหลัก.”

หลังจากอ่านบทความของคุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี  เกี่ยวกับเวียดนาม รวมทั้งฮานอย เรารู้สึกยินดีมาก เพราะได้รู้จักกับคนไทยอีกคนที่มีความรักพิเศษต่อเวียดนาม รวมทั้งกรุงฮานอย โดยเฉพาะมีความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรม วิถีชีวิตและคนเวียดนาม ส่วนคุณ เลถุย ได้แสดงความเห็นหลังจากอ่านบทความนี้ว่า “เป็นบทความที่น่าสนใจมาก”

นอกจากนั้น คุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ยังแจ้งให้เราทราบว่า บทความเกี่ยวกับฮานอยของคุณ ปิยะกษิดิ์เดช เปลือยศรี ได้รับการลงบนเว็ปไซต์ aseanwacth.org ภาษาไทย ที่จัดสรรข้อมูลในทุกด้านเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน

สำหรับคุณผู้ฟังท่านอื่น ถ้าอยากศึกษา ค้นคว้าประเทศและคนเวียดนาม รวมทั้งกรุงฮานอย อย่าพลาดโอกาสเดินทางมาเที่ยวเวียดนามนะคะ ปัจจุบัน การเดินทางระหว่างเวียดนามกับไทยสะดวกมาก โดยสายการบินของทั้งสองประเทศได้เปิดเที่ยวบินที่เชื่อมกรุงเทพฯกับกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์หลายสายและล่าสุด สายการบินเวียดเจ็ทแอร์จะเปิดให้บริการเส้นทางบินนครดานัง-กรุงเทพฯในวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งมีเที่ยวบินให้บริการทุกวัน เราหวังว่า ในเวลาที่จะถึง จะได้รับบทความที่แสดงความรักต่อท้องถิ่นต่างๆของเวียดนามส่งถึงรายการของเรามากขึ้น

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณ Koch Chanthary นักศึกษากัมพูชาได้ส่งจดหมายถึงวีโอวี 5 โดยอยากแนะนำเกี่ยวกับภาพวาดบนใบบัว

นี่คือคำถามที่น่าสนใจมาก แต่น่าเสียดายที่รายการของเราได้หมดเวลาแล้ว ดังนั้นเราขอยกยอดคำถามไว้ตอบในสัปดาห์หน้า...

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

พิเชษฐ์ ทองพุ่ม

ชุดประจำชาติของเวียดนามคือชุด Ao Dai

เป็นชุดที่สวยงาม แต่ไม่ควรบางเกินไปจนแลดูไม่เหมาะ

ข่าวอื่นในหมวด