หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย จุดเริ่มต้นที่ดีงามเพื่อมุ่งสู่อนาคต

(VOVWORLD) - ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซียกำลังพัฒนาอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะหลังการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของเลขาธิการใหญ่พรรคเหงียนฟู้จ่องเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 ในปี 2018 ซึ่งครบรอบ 5 ปีที่ทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างกันและสองฝ่ายเร่งผลักดันการจัดทำโครงการปฏิบัติใหม่ระยะปี 2019-2023 โอกาสนี้ นักข่าวสำนักข่าวเวียดนามประจำกรุงจาการ์ตาได้สัมภาษณ์นาย เดนนี่ อาบดี อธิบดีกรมอาเซียนสังกัดกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งทางเราขอคัดเสนอสาระสำคัญของบทสัมภาษณ์นี้
หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย จุดเริ่มต้นที่ดีงามเพื่อมุ่งสู่อนาคต - ảnh 1หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม – อินโดนีเซีย จุดเริ่มต้นที่ดีงามเพื่อมุ่งสู่อนาคต (Photo internet)

ในการประเมินเกี่ยวกับผลงานที่เวียดนามและอินโดนีเซียได้บรรลุนับตั้งแต่ที่สถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เมื่อปี 2013 นาย เดนนี่ อาบดี ได้เผยว่า บนพื้นฐานของความสัมพันธ์นี้ ทั้งสองประเทศได้เสนอกระบวนการขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีในระยะ 5 ปีแรกและถึงขณะนี้สามารถบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ในด้านต่างๆ เช่น กลาโหม ความมั่นคง ความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจ การจับปลาและความร่วมมือในด้านวัฒนธรรมสังคม

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดการประชุมครั้งที่ 3 คณะกรรมการร่วมมือทวิภาคีระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม – อินโดนีเซีย ณ กรุงฮานอย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามและรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียเป็นประธานร่วมเพื่อประเมินระยะ 5 ปีของความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศและผลักดันความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต ซึ่งเนื้อหาสำคัญที่ได้รับการลงนามในการประชุมครั้งนั้นคือ ทั้งสองฝ่ายจะกระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในระยะ 5 ปีต่อไปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น  โดยทั้งสองประเทศกำลังมุ่งสู่ความสัมพันธ์ร่วมมือที่ดีงามมากขึ้นในระยะต่อไป ตั้งเป้าหมายใหม่เพื่อปฏิบัติในรอบ 5 ปีที่จะถึง นายเดนนี่ อาบดี เผยว่า อินโดนีเซียกำลังเร่งปฏิบัติแนวทางนี้ของรัฐบาลและหารือกับตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ซึ่งไม่พบอุปสรรคและทั้งสองฝ่ายสามารถหารือกันได้อย่างสะดวกและตรงไปตรงมา นาย เดนนี่ อาบดี ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีงาม ความร่วมมือในด้านต่างๆและการประสานงานกำลังมีขึ้นอย่างราบรื่นแต่ยังมีความท้าทายที่ทั้งสองฝ่ายต้องเผชิญคือ ในด้านเศรษฐกิจ แม้ได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดแต่สองประเทศยังแข่งขันกันในหลายด้าน ดังนั้นเพื้อแก้ไขปัญหานี้ ทั้งสองฝ่ายต้องหารือและแบ่งเบากันมากขึ้น

นายเดนนี่ อาบดี ย้ำว่า อินโดนีเซียและเวียดนามเป็นประเทศใหญ่ในอาเซียนทั้งในด้านประชากรและเศรษฐกิจ ซึ่งมีศักยภาพสูงสำหรับความร่วมมือ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต้องผลักดันความร่วมมือในด้านที่ถือเป็นจุดแข็งของทั้งสองประเทศ โดยเนื้อหาสำคัญที่ต้องปฏิบัติทันทีคือ ขยายความร่วมมือแลกเปลี่ยนทั้งในด้านมนุษย์ เทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ๆ ทั้งสองประเทศมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพในด้านบุคลากร ซึ่งถือเป็นพื้นฐานพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต

สำหรับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม นาย เดนนี่ อาบดี เผยว่า ทั้งสองประเทศสามารถผลักดันความสัมพันธ์นี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นผ่านการขยายความร่วมมือในกรอบอาเซียน ในสภาวการณ์ที่อาเซียนมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในเอเชีย – แปซิฟิกและโลก ในฐานะประเทศใหญ่ในอาเซียน ทั้งอินโดนีเซียและเวียดนามต่างมีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศและองค์การระหว่างประเทศต่างๆ นายอาบดียังแสดงความยินดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคตบนกระบวนการพัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ได้สถาปนา ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความเข้าใจกันมากขึ้นจะผลักดันความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างสองประเทศในปัญหาระดับภูมิภาคและโลก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด