(VOVWORLD) - 10 เหตุการณ์เด่นต่างประเทศประจำปี 2018 จัดโดยสถานีวิทยุเวียดนาม ประกอบด้วยปัญหาต่างๆ เช่นปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและภัยธรรมชาติ เป็นต้น
นาย คิมจองอึน ผู้นำของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีกับนาย โดนับด์ ทรัมป ประธานาธิบดีสหรัฐ (Reuters) |
1. การประชุมสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและประชุมสุดยอดสองภาคเกาหลี: โอกาสแห่งสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ให้แก่คาบสมุทรเกาหลี
เมื่อวันที่ 27 เมษายน ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและสาธารณรัฐเกาหลีได้พบปะกันที่หมู่บ้านพักรบปันมุมจอมเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี ต่อจากนั้นก็มีการพบปะสุดยอดอีก 2 ครั้งคือเมื่อเดือนพฤษภาคมและเดือนกันยายน ตลอดจนการพบปะสุดยอดสหรัฐ-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ณ ประเทศสิงคโปร์ พร้อมแถลงการณ์ที่ได้บรรลุหลังการประชุมคือสัญญาณที่น่ายินดีของทุกฝ่ายเพื่อมุ่งสู่การปลอดนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ สร้างสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงปลายปี 2018 กระบวนการปฏิบัติแถลงการณ์นี้ยังประสบอุปสรรคมากมายและมีการชะลอตัว
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีน (Photo: website ASEAN) |
2.อาเซียนและจีนได้บรรลุ “เอกสารฉบับเดียว” ในการเจรจาเกี่ยวกับหลักปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี
ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-จีนนอกรอบการประชุมรัฐมนตรีการต่างประเทศอาเซียนหรือเอเอ็มเอ็มครั้งที่ 51 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นาย วิเวียน บาลากริสนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ได้ประกาศว่า อาเซียนและจีนได้บรรลุ “เอกสารฉบับเดียว” ในการเจารจาเกี่ยวกับหลักปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี ซึ่งเป็นก้าวเดินสำคัญเพื่อมุ่งสู่การลดช่องว่างความแตกต่าง ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องเกี่ยวกับวิธีการหลักให้แก่การเจรจาซีโอซีในเวลาที่จะถึง.
3.การปรากฏของลัทธิคุ้มครองการค้าและสงครามการค้าสหรัฐ-จีนยืดเยื้อต่อไปซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ถึงแม้สหรัฐได้ถอนตัวจากข้อตกลงการค้าพหุภาคี แต่แนวโน้มการต่อต้านการคุ้มครองการค้ายังคงได้รับความสำคัญผ่านข้อตกลงการค้าฉบับต่าง เช่นข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพี ข้อตกลงการค้าเสรีญี่ปุ่น-อียู ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรืออาร์ซีอีพีที่กำลังใกล้เสร็จเรียบร้อย ข้อตกลงซีพีทีพีพีซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมปี 2018 ซึ่งต่างได้รับการคาดหวังว่า จะสร้างเขตการค้าเสรีอันกว้างใหญ่ รวม 11 ประเทศ รวมทั้งเวียดนาม โดยมีจีดีพีประมาณ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 13 ของจีดีพีโลก เสริมสร้างความไว้วางใจและการค้าเสรีในสภาวการณ์ที่ลัทธิคุ้มครองการค้ากำลังปรากฏขึ้น
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการหลังจากข้อกำหนดเกี่ยวกับการเก็บภาษี มูลค่า 3 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐของสหรัฐต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนมีผลบังคับใช้ จีนได้ตอบโต้ทันทีด้วยการเก็บภาษีในระดับเดียวกันต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเลื่อนการเก็บภาษีดังกล่าวเป็นเวลา 90 วันหลังการพบปะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานประเทศจีน สีจิ้นผิง นอกรอบการประชุมจี 20 แต่ความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็ยังคงถูกมองว่ามีความผันผวนอย่างซับซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกในเวลาที่จะถึง
4. การชุมนุมประท้วงในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสและความเสี่ยงที่จะบานปลายในยุโรป
จากจุดเริ่มต้นคือการชุมนุมของผู้ที่คัดค้านการขึ้นราคาเชื้อเพลิงซึ่งทำให้ชีวิตของประชาชนมีความลำบากมากขึ้น การชุมนุมของ “กลุ่มคนเสื้อกั๊กสีเหลือง” ได้บานปลายออกไปโดยประชาชนนับหมื่นคนได้ออกมาชุมนุมตามถนนสายต่างๆ และมีผู้ฉกฉวยโอกาสทำลายสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสจนทำให้ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อค่ำวันที่ 10 ธันวาคม นาย เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้กล่าวปราศรัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ โดยแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศส พร้อมทั้งเสนอมาตรการต่างๆเพื่อยุติการชุมนุม กระแสการชุมนุมของ “กลุ่มคนเสื้อกั๊กสีเหลือง” ได้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งและความแตกร้าวที่ลึกซึ้งในสังคมฝรั่งเศส พร้อมทั้งเป็นสัญญาณเตือนต่อยุโรปด้วย
ประธานาธิบดีสหรัฐประกาศถอนทหารออกจากซีเรีย (Reuters) |
5.สหรัฐประกาศถอนทหารออกจากซีเรีย
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศถอนทหารออกจากซีเรีย เนื่องจากสามารถทำลายกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสในซีเรีย คำประกาศนี้ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกัน โดยในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอังกฤษ Tobias Ellewood ได้แสดงความเห็นว่า ประธานาธิบดีสหรัฐมีความผิดพลาดที่บอกว่า กลุ่มไอเอสในซีเรียได้ถูกทำลาย ส่วนรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เจมส์ แมททิส ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง การตัดสินใจของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังถูกคัดค้านจากรัฐสภาสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวยังไม่ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนเกี่ยวกับการถอนทหาร
พิธีัเปิดสถานทูตสหรัฐในเยรูซาเลม (Getty) |
6.วิกฤตการทูตในเขตอ่าว สหรัฐย้ายสถานทูตไปยังเยรูซาเลม
วิกฤตการทูตในเขตอ่าวระหว่างกาตาร์กับซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาเรนห์และอียิปต์ไม่มีสัญญาณที่คลี่คลายลงในปี 2018 ประเทศต่างๆในภูมิภาคธำรงมาตรการคว่ำบาตรกาตาร์ ส่วนกาตาร์ก็ไม่มีเจตนาประนีประนอม และทั้งสองฝ่ายก็มีมาตรการคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจต่ออีกฝ่าย ในช่วงปลายปี กาตาร์ยังประกาศว่า จะถอนตัวออกจากองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือ OPEC ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2019
ถึงแม้ถูกคัดค้านจากปาเลสไตน์และประเทศต่างๆ แต่เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 สหรัฐได้ย้ายสถานทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเมืองเยรูซาเลม นี่คือหนึ่งในนโยบายการทูตที่สร้างความขัดแย้งมากที่สุดของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2018 เหตุการณ์นี้ได้จุดชนวนกระแสชุมนุมประท้วงและความรุนแรงที่นองเลือดครั้งใหม่ในฉนวนกาซา ซึ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางมีความซับซ้อนมากขึ้น
ประชาชาชนเอาภาพถ่ายของนักข่าว จามาล คาช็อกกี (Photo: DW) |
7.เหตุสังหารนักข่าวชาวซาอุดิอาระเบีย จามาล คาช็อกกี
นักข่าว จามาล คาช็อกกี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคมหลังเข้าไปจดทะเบียนสมรสกับสตรีชาวตุรกีที่สถานกงสุลใหญ่ซาอุดิอาระเบีย ณ เมืองอิสตันบูล จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม ซาอุดิอาระเบียได้ยืนยันว่า นาย คาช็อกกี ได้เสียชีวิตจากเหตุทะเลาะวิวาทภายในสถานกงสุลใหญ่ซาอุดิอาระเบียในเมืองอิสตันบูล และจากแรงกดดันของนานาประเทศ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน สำนักงานอัยการซาอุดิอาระเบียได้ดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง 11 คน รวมทั้งมี 5 คนอาจถูกลงโทษประหารชีวิต เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม นาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้เรียกร้องให้เปิดการสืบสวนที่ “น่าเชื่อถือ” เกี่ยวกับการสังหารนักข่าว คาช็อกกี เหตุการณ์นี้ที่ยังไม่ยุติลงและกำลังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของซาอุดิอาระเบียบนเวทีโลก.
กองกำลังกู้ภััยปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง (The Guardian)
|
8. ความสำเร็จในการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง ประเทศไทย
ภารกิจการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีออกจากถ้ำหลวง ซึ่งเป็นภารกิจช่วยเหลือกู้ภัยที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้ประสบควาสำเร็จเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมโดยสมาชิกทีมหมู่ป่าทั้งหมด 12 คนและโค้ช 1 คนได้ถูกพาตัวออกจากถ้ำภายหลังติดอยู่ในถ้ำหลวง 18 วัน ในภารกิจกู้ภัยนี้ ทางการไทยได้ระดมนักดำน้ำ กองกำลังเฉพาะกิจ ผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและต่างประเทศเกือบ 100 คน แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีสมาชิกของหน่วย Seal ไทย 1 นายเสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือทีมหมูป่า
ภูเขาไฟ Anak Krakatau ปะทุซึ่งสร้างเหตุคลื่นสึนามิในอินโดนีีเซียเมื่อเดือนธันวาคมปี 2018( Reuters) |
9. ปี 2018 โลกต้องเผชิญกับภัยพิบัติหลายครั้ง
เหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ฝนตกน้ำหลากในประเทศจีน เหตุไฟป่าในสหรัฐ กรีซ เหตุคลื่นสึนามิและเครื่องบินตกในอินโดนีเซีย เขื่อนแตกในประเทศลาว เป็นต้นคือภัยพิบัติซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายนับพันคน ซึ่งสร้างภาพรวมที่มืดมนให้แก่โลกในปี 2018 ในสภาวการณ์ดังกล่าว การประชุมของสหประชาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศหรือ COP ครั้งที่ 24 ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 2-14 ธันวาคม ณ ประเทศโปแลนด์ได้บรรลุผลงานที่สำคัญ ทั้งด้านการวางข้อกำหนด ข้อผูกมัดเกี่ยวกับความรับผิดชอบของประเทศต่างๆและการแก้ไขอุปสรรคในการปฏิบัติข้อตกลงปารีสเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
(Photo: Reuters) |
10.เครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊กเผชิญกับวิกฤตเกี่ยวกับความลับ
ปี 2018 ถือเป็นปีที่เลวร้ายของเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีผู้ใช้บริการ 2 พันล้านคน โดยไม่เพียงแต่ถูกกล่าวหาว่า มีการปล่อยให้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการให้แก่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016 อย่างผิดกฎหมายเท่านั้น หากเฟซบุ๊กยังมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเก็บรักษาความลับ จนทำให้เฮกเกอร์ฉวยโอกาสขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เฟซบุ๊กนับล้านคน เหตุอื้อฉาวนี้ได้สร้างกระแสคัดค้านและปิดบัญชีเฟซบุ๊กเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ระดับสูง 6 คนของเฟซบุ๊กต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก ราคาหุ้นลดลงหนักและนาย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กต้องทำการมาชี้แจ้งต่อรัฐสภาสหรัฐ จนทำให้ปี 2018 เป็นปีที่ไม่น่าจดจำของเฟซบุ๊ก.