เพลงที่ท่านกำลังฟังอยู่นั้นเป็นคำร้องเชื้อเชิญของผู้ชายเย้าแทงอีที่ชวนสาวๆมาเป็นเพื่อนเพื่อเดินทางไปร่วมงานเทศกาลวสันต์ฤดู ซึ่งเป็นงานเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของหมู่บ้านบั่งก๋า อ.แหว่งโบ่ โดยดึงดูดความสนใจของชาวท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมงานและลิ้มลองอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อต่างๆเช่น ข้าวเหนียวห้าสี เหล้าหมักใบไม้ป่า ขนมกู่ ชมการแสดงโยนลูกช่วงและดื่มด่ำกับเพลงรักหาคู่ระหว่างหนุ่มสาวเผ่าเย้า

การร้องเพลงโต้ตอบนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชนเผ่าเย้าแทงอีที่มักจะแสดงในโอกาสเทศกาล งานมงคลและงานเส้นไหว้ต่างๆเพื่อขอพรให้การเก็บเกี่ยวได้ผลดี ชีวิตมีความอิ่มหนำผาสุก โดยในบางกิจกรรมสำคัญยังถือเป็นการแสดงโหมโรงและทำนองการร้องก็จะต้องปฏิบัติตามหลักการที่กำหนด นอกจากนี้ การร้องเพลงโต้ตอบนั้นก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นในระหว่างการไปทำไร่ทำนา การเดินทางหรือเป็นเสมือนการทักทายกัน ดังนั้นทำนองเนื้อร้องส่วนใหญ่มีความเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความหมายที่ลึกซึ้งโดยเฉพาะเมื่อมีการร้องโต้ตอบระหว่างชายหญิง ซึ่งเป็นการสร้างสายใจเพื่อนำทางให้หนุ่มสาวเผ่าเย้ามาหากัน ชอบกันและแต่งงานกันเป็นฝั่งเป็นฝา ศิลปินเจืองถิกวี้ กล่าวว่า “มีหลายคู่ได้รู้จักและแต่งงานกันจากการร้องเพลงโต้ตอบ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่หนุ่มสาวนิยมกัน แม้จะทำอะไรก็คิดถึงการร้องเพลงจึงซึมซับเข้าในใจอย่างลึกซึ้งไม่ลืมเลือน นอกจากนี้ก็ต้องคิดคำคิดประโยคใหม่เพื่อนำมาร้องโต้ตอบกันด้วย”

ส่วนศิลปิน ดั๋งแทงเลือง อายุ75ปีซึ่งเป็นหนึ่งในศิลปินที่สามารถจำทำนองเนื้อร้องของเพลงโต้ตอบได้มากที่สุดของต.บั่งก๋าได้เผยว่า ปัจจุบันนี้แม้แต่ชาวเย้าแทงอีเองก็มีน้อยคนที่สามารถร้องเพลงโต้ตอบตามทำนองโบราณได้“เมื่อก่อนนี้ถ้าเป็นหนุ่มสาวที่ยังไม่มีคู่ต่างก็ชอบและรอคอยโอกาสที่จะได้ไปร่วมงานเทศกาลยามวสันต์เพื่อร้องเพลงหาคู่กัน  โดยจะร้องไปเรื่อยเมื่อมีเวลาว่าง ซึ่งคนเผ่าเราเป็นคนขี้อายไม่กล้าแสดงความรักแบบตรงๆต้องใช้เพลงเพื่อแสดงความรัก ตอนผมอายุ16ปีก็รู้จักการร้องเพลงโต้ตอบนี้แล้ว”

ในหลายปีมานี้ การร้องเพลงโต้ตอบของชาวเย้าแทงอียังได้รับการส่งเสริมและพัฒนาผ่านการแสดงเพื่อบริการการท่องเที่ยว ซึ่งก็ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อมีส่วนร่วมอนุรักษ์และประชาสัมพันธ์เอกลักษณ์วัฒนธรรมที่โดดเด่นนี้ให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้รู้จัก.