ทุกปีเมื่อถึงช่วงปลายปี ตอนที่ข้าวกำลังสุกเหลืองอร่ามและอากาศเริ่มเย็น ชาวปาโกในทุกหมู่บ้านก็เริ่มเตรียมจัดงานเทศกาลอายาเพื่อแสดงความขอบคุณฟ้าดินและสิ่งศักดิ์ทั้งหลายที่คอยปกป้องดูแลชาวบ้านและการเก็บเกี่ยวได้ผลดี ทุกครอบครัวต่างเตรียมข้าวปลาอาหารที่อร่อยที่สุดและใส่เสื้อผ้าที่สวยที่สุดเพื่อต้อนรับแขกเหรื่อ ชุมชนเผ่าปาโกนั้นให้ความสำคัญต่องานเซ่นไหว้ทุกฤดูกาลเพราะพวกเขาเชื่อว่า เทพทั้งหลายโดยเฉพาะเทพแห่งรวงข้าวจะนำความผาสุกมาให้แก่ทุกๆคนและงานเทศกาลนี้ยังเป็นโอกาสชุมนุมครอบครัวที่สะท้อนเอกลักษณ์วัฒนธรรมประเพณีของชาวปาโก นาย โห่วันโด ชาวปาโกเผยว่า“บุตรหลานทุกคนแม้จะไปทำงานที่ไหนก็ต้องจัดเวลาเพื่อกลับบ้านฉลองเทศกาลอายา เพราะเป็นวันชุมนุมครอบครัว ทุกคนต้องมาอยู่พร้อมหน้า นั่งทานอาหารดื่มเหล้าและพูดคุยเรื่องต่างๆ ถ้าใครทำมาค้าขึ้นก็แสดงความยินดีใครที่ยังไม่บรรลุเป้าหมายก็ให้กำลังใจพยายามในปีต่อไป”

ก่อนจัดงาน ผู้ใหญ่บ้านต้องประชุมวางแผนอย่างละเอียดต่อทุกขั้นตอนตั้งแต่การต้อนรับแขก การเตรียมเครื่องเซ่นไหว้และการเลือกผู้ที่ได้รับความนับถือเป็นผู้ดำเนินงานเทศกาล หลังจากตกลงกันแล้วก็จะมีการแบ่งหน้าที่ส่วนงานให้แก่ตระกุลต่างๆ โดยผู้ชายมีหน้าที่เตรียมสัตว์เลี้ยงเพื่อเซ่นไหว้ ส่วนผู้หญิงหาพืชผักจากป่าเพื่อทำอาหารพื้นเมืองหลายอย่าง เช่น แปง กลืม กลวาร์ นาง อา เวียด ที ญี ชาวปาโกที่อ.อาเลี้อย จ.เถื่อเทียนเว้ เผยว่า“ในพิธีเซ่นไหว้อายาต้องมีเครื่องเซ่นไหว้ที่เป็นข้าวหลาม ไก่ย่างไม้ไผ่ เนื้อหมู นก ปลา เป็นต้น แม้งานจะมีขึ้นเพียงสองสามวันแต่ทุกอย่างต้องเตรียมไว้ก่อนหลายสัปดาห์”

พิธีเซ่นไหว้ต้องเริ่มในตอนเช้าเพราะเป็นช่วงที่บรรยากาศสภาพแวดล้อมดีที่สุด งานเทศกาลจะเริ่มคึกคักมากขึ้นเมื่อมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน  ซึ่งพวกเขามักจะนำเนื้อหมู ไก่ เป็ด มาร่วมฉลองด้วย  สำหรับทุกครอบครัวในหมู่บ้านจะต้องเตรียมอาหาร3ถาดเพื่อเซ่นไหว้ “หย่าง” หรือเทพ3องค์คือ เทพแห่งป่าเขา เทพแห่งรวงข้าวและเทพแห่งเมล็ดถั่ว ซึ่งสำหรับเทพแห่งป่าเขาต้องถวายของเซ่นไหว้สัตว์ตัวใหญ่เช่นควายหรือแพะ เทพแห่งรวงข้าวจะเซ่นไหว้ด้วยหมู ไก่ เป็ด เพื่อแสดงความขอบคุณที่เทพเจ้าทั้งหลายที่คอยดูแลปกป้องและให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวได้ผล สัตว์เลี้ยงโตไวเต็มคอกและชาวบ้านมีความแข็งแรง นอกจากถาดอาหารสำหรับเซ่นไหว้แล้ว ต้องมีถาดอาหารสำหรับรับแขกเรียกว่า “เคย” เพื่อเชิญแขกและญาติมิตรมาร่วมฉลองกัน โดยอาหารต่างๆต้องเป็นอาหารพื้นเมืองที่เจ้าของบ้านทำเองทุกอย่างด้วยความเชื่อว่าหากทำให้เทพเจ้าทั้งหลายพอใจงานเทศกาลถือว่าสำเร็จ

หลังพิธีกรรมตามประเพณีก็เป็นงานรื่นเริงสนุกสนาน โดยจะมีการร้องรำทำเพลงและการละเล่นต่างๆ ท่ามกลางเสียงฆ้องเสียงกลองและเสียงเชียร์อย่างคึกคัก แม้จะมีขึ้นภายในเวลา2-3วันเเต่กิจกรรมที่สะท้อนเอกลักษณ์วัฒนธรรมน่าสนใจต่างๆของชาวปาโกได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่มาจากท้องถิ่นใกล้เคียงเข้าร่วม อันเป็นการมีส่วนร่วมอนุรักษ์คุณค่าวัฒนธรรมพื้นเมืองของชุมชนชนเผ่าต่างๆของเวียดนามท่ามกลางกระแสการพัฒนาของสังคมสมัยใหม่.