จัดทำแผนงานเพื่อปฏิบัติข้อตกลง RCEP อย่างมีประสิทธิภาพ
(VOVWORLD) -ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจในทุกด้านในภูมิภาคหรือ RCEP มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2022 ซึ่งด้วยการมีตลาดขนาดใหญ่ที่รวมประชากรโลกถึงร้อยละ 30 RCEP จะช่วยสร้างตลาดส่งออกที่มีเสถียรภาพ ยั่งยืนและมีส่วนร่วมผลักดันการปฏิบัตินโยบายจัดทำระบบการผลิตที่กำหนดการส่งออกของเวียดนาม ตามแผนที่วางไว้ รัฐบาลเวียดนามจะประกาศโครงการปฏิบัติเกี่ยวกับการปฏิบัติข้อตกลง RCEP โดยเร็วเพื่อสนับสนุนสถานประกอบการและประชาชน โดยเฉพาะชมรมสถานประกอบการ
นาย เจิ่นก๊วกแค้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ (baodautu.vn) |
RCEP คือข้อตกลงที่ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามกับบรรดาประเทศหุ้นส่วน ประกอบด้วย จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนปี 2020 และมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปี 2022 เมื่อ RCEP มีผลบังคับใช้ ทุกฝ่ายจะปฏิบัติคำมั่นของตนทันที ซึ่งรวมทั้งคำมั่นเกี่ยวกับการยกเลิกภาษีต่อสินค้าประเภทต่างๆทันทีอย่างน้อยร้อยละ 64 หลังจากนั้น 20 ปี เวียดนามจะยกเลิกภาษีให้แก่สินค้าของบรรดาประเทศหุ้นส่วนถึงร้อยละเกือบ 90 ในขณะที่บรรดาประเทศหุ้นส่วนจะยกเลิกภาษีร้อยละ 90-92 ให้แก่สินค้าเวียดนามและบรรดาประเทศอาเซียนจะยกเลิกภาษีให้แก่สินค้าเวียดนามเกือบทั้งหมด นาย เจิ่นก๊วกแค้ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้เผยว่า RCEP จะช่วยสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าคิดในด้านประชากรจะอยู่ที่ร้อยละ 30 และจีดีพีกว่า 27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของจีดีพีโลก “ในสภาวการณ์ที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ยังคงซับซ้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาเซียนและเศรษฐกิจทั่วโลก บรรดาประเทศอาเซียนและ 5 ประเทศหุ้นส่วนมีความปรารถนาว่า ข้อตกลง RCEP ที่มีผลบังคับใช้ในต้นปี 2022 จะช่วยผลักดันการค้าและการลงทุนในภูมิภาค เพื่อมีส่วนร่วมต่อกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาค”
ตามแผนที่วางไว้ รัฐบาลเวียดนามจะประกาศแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการปฏิบัติข้อตกลง RCEP เพื่อสนับสนุนสถานประกอบการและประชาชน โดยเฉพาะชมรมสถานประกอบการ นาย เลืองหว่างท้าย อธิบดีกรมการค้าพหุภาคีสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามย้ำว่า ถึงแม้ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพสูงเหมือนข้อตกลงซีพีทีพีพีและอีวีเอฟทีเอ แต่กระทรวงและหน่วยงานต่างๆของเวียดนามได้เริ่มปฏิบัติความคิดเห็นต่างๆเกี่ยวกับแผนการปฏิบัติข้อตกลง RCEP ตั้งแต่เนิ่นๆ “ขั้นตอนแรกในโครงการปฏิบัตินี้คือเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างสมบูรณ์ให้แก่ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงฉบับนี้ สองคือ เราต้องปรับปรุงในด้านกฎหมายและระบบนโยบายให้สะดวกมากที่สุดเพื่อให้สถานประกอบการของเราสามารถตอบสนองความต้องการต่างๆในการแข่งขันในสภาวการณ์ใหม่นี้ สามคือ ต้องมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่สถานประกอบการและมีมาตรการช่วยให้เราได้รับข้อมูลอย่างสมบูรณ์จากการประกอบธุรกิจเพื่อสามารถเข้าร่วมกลไกความร่วมมือต่างๆใน RCEP อย่างมีประสิทธิภาพ”
ความพิเศษของข้อตกลง RCEP คือ การใช้ข้อตกลงนี้แทนข้อตกลงเอฟทีเอ 5 ฉบับที่ต้องลงนามระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วน ซึ่งก็รวมถึงการใช้ข้อกำหนดเกี่ยวกับถิ่นกำเนิดสินค้าฉบับเดียวกันเพื่อให้สินค้าเวียดนามได้รับสิทธิพิเศษเมื่อส่งออกไปยังตลาดเหล่านี้ ควบคู่กันนั้นคือโอกาสที่มีหลังจากที่ข้อตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ ยกตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมสัตว์น้ำของเวียดนามเป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับการประเมินว่า มีขีดความสามารถอย่างเพียงพอในการเจาะตลาดหุ้นส่วนต่างๆของ RCEP การที่จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ออสเตรเลียและบรรดาประเทศอาเซียนได้ให้คำมั่นตัดลดภาษีเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์หลังจากที่ RCEP มีผลบังคับใช้และสาธารณรัฐเกาหลีจะตัดลดภาษีเหลือ 0 เปอร์เซ็นต์หลังจากนั้น 10-15 ปีสำหรับสัตว์น้ำเวียดนามถือเป็นโอกาสให้เวียดนามผลักดันการส่งออกสินค้าที่เป็นจุดแข็งนี้ไปยังตลาดบรรดาประเทศ RCEP ได้อย่างรวดเร็วและสะดวก
ปัจจุบันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้รวบรวมข้อมูลและรายงานต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อประกาศแผนการปฏิบัติฯ โดยเน้นจัดสรรข้อมูลอย่างสมบูรณ์ให้แก่ฝ่ายที่จะได้รับผลกระทบจากข้อตกลงฯ พร้อมทั้งเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายนโยบายให้อำนวยความสะดวกมากที่สุดให้แก่สถานประกอบการ เพื่อตอบสนองความต้องการของการแข่งขันในสภาวการณ์ใหม่ นอกจากนั้น การปฏิบัติจริงจะถ่ายทอดประสบการณ์เพื่อมีมาตรการสนับสนุนให้สถานประกอบการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและมีมาตรการเพื่อรับข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์จากการประกอบธุรกิจเพื่อสามารถเข้าร่วมกลไกความร่วมมือต่างๆในข้อตกลงฉบับนี้อย่างมีประสิทธิภาพ.