บริษัท หร่างดงกับกระบวนการเจาะตลาดโลก

(VOVWORLD) -หลังการก่อตั้งและพัฒนามาเป็นเวลากว่า 60 ปี บริษัทหุ้นส่วนหลอดไฟและกระติกน้ำร้อนหร่างดง ซึ่งอดีตคือโรงงานผลิตหลอดไฟและกระติกน้ำร้อน ปัจจุบันนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายต่างๆ ทางบริษัทได้ส่งออกสินค้าไปยังหลายประเทศ
 
 
บริษัท หร่างดงกับกระบวนการเจาะตลาดโลก - ảnh 1บริษัทหร่างดงเสนอบ้านอัจฉริยะ

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี 1961 หลังใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี โรงงานผลิตหลอดไฟและกระติกน้ำร้อนหร่างดงได้เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการและกลายเป็นโรงงานแห่งแรกในเวียดนามและอินโดจีนที่ผลิตหลอดไฟและกระติกน้ำร้อน จนถึงปัจจุบันนี้ บริษัทเป็นสถานประกอบการแห่งเดียวของเวียดนามที่ได้ใช้ซอฟต์แวร์ควบคุมอุณหภูมิ ANSYS ICE PAK ในการผลิตหลอดไฟ LED ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ทันสมัยของสหรัฐที่ใช้ในการออกแบบตัวจำลองด้านอุณหภูมิสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน เช่น รถยนต์ เครื่องบินและเรือ โดยผลิตภัณฑ์LED ของบริษัทใช้ chip Led Samsung ที่มีมาตรฐานเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านไบโอออพติกส์ ค้ำประกันอัตราในส่วนแสงสีน้ำเงินเพื่อช่วยให้ปลอดภัยต่อสายตา ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทต่างได้รับการออกแบบโดยคนเวียดนามและคนเวียดนามเป็นเจ้าของเทคโนโลยี ดร. เหงียนกวน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานสมาคมอัตโนมัติเวียดนาม เผยว่า

“บริษัทหร่างดงได้เปิดศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 แห่ง ซึ่งบางที่ได้สงวนกำไรถึงร้อยละ 20 เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งไม่ใช่ทุกบริษัทสามารถทำได้ ทางบริษัทได้เชิญนักวิทยาศาสตร์จากสถาบัน มหาวิทยาลัยและศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศมาร่วมมือ โดยมีความคิดริเริ่ม ผลการวิจัยวิทยาศาสตร์และการปรับปรุงทางเทคนิคนับพันข้อที่ได้เสนอในวันงานแห่งนวัตกรรมและการประชุมวิทยาศาสตร์ต่างๆ”

บริษัท หร่างดงกับกระบวนการเจาะตลาดโลก - ảnh 2บูธแสดงสินค้าของบริษัท

บริษัทฯ ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ LED และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังตลาดต่างๆ เช่น ตะวันออกกลาง จีน สาธารณรัฐเกาหลี คิวบา ศรีลังกาและสหรัฐ เมื่อปี 2018 บริษัทได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมระบบแสงสว่างโซลิดสเตตระหว่างประเทศหรือ ISA และมีเทคโนโลยีผลิตกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ทันสมัยมากที่สุดในเวียดนาม ด้วยกำลังการผลิตราว 18.5 ล้านชิ้นต่อปี จำหน่ายทั้งในตลาดเวียดนามและตลาดต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย บราซิลและปากีสถาน เป็นต้น ปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จคือการให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล นาย เหงียนดว่านทัง ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท เผยว่า

“ปฏิบัติโครงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของรัฐบาล ทางบริษัทได้ทำการปรับเปลี่ยนดิจิทัลตั้งแต่ปี 2020 อย่างพร้อมเพรียงและในอีกไม่กี่ปีเราจะเสร็จสิ้นภารกิจนี้อย่างสมบูรณ์ เราได้เปลี่ยนจากโรงงานที่ผลิตอุตสาหกรรมแบบเก่ามาเป็นโรงงานที่ทันสมัย โดยเฉพาะเราได้ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการผลิตด้วย”

ปัจจุบันนี้ บริษัทหร่างดงเป็นหนึ่งในสถานประกอบการที่มีอัตราการขยายอย่างรวดเร็วและยั่งยืน หลังจากเปลี่ยนเป็นบริษัทหุ้นส่วนเมื่อปี 2004 ทางบริษัทมีรายได้เกือบ 4 แสนล้านด่ง หลังจากนั้น 20 ปี เมื่อปี 2023 ถึงแม้ประสบความยากลำบากจากผลกระทบของโรคโควิด – 19 แต่บริษัทยังคงทำรายได้ที่น่าประทับใจกว่า 8 ล้าน 3 แสนล้านด่ง เพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2004 นาย เหงวียนดึ๊กเหียน อดีตรองหัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจส่วนกลางแสดงความคิดเห็นว่า

“บริษัทหร่างดงเป็นตัวอย่างแห่งการพัฒนาของสถานประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของกลไกเศรษฐกิจเชิงตลาดตามแนวทางสังคมนิยม นอกจากนี้ ทางบริษัทก็สร้างสรรค์วัฒนธรรมการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมจิตใจแห่งประชาชาติ ความคาดหวังเกี่ยวกับการพัฒนาและสร้างสรรค์ความสัมพันธ์ที่กลมกลืนระหว่างบริษัทกับแรงงาน เป็นบริษัทเดินหน้าในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลและเป็นฝ่ายรุกเข้าร่วมการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0”

บริษัท หร่างดงกับกระบวนการเจาะตลาดโลก - ảnh 3ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทฯ 

แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อธำรงเครื่องหมายการค้า ทางบริษัทได้เลือกยุทศาสตร์พัฒนาอย่างยั่งยืน โดยถือชื่อเสียงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่ละปี ทางบริษัทใช้รายรับร้อยละ 2 เพื่อลงทุนอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัยและใช้กำไรหลังหักภาษีร้อยละ 20 เพื่อพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ก็ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อวิจัยออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ นาย เหงวียนดว่านทัง ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัทเผยต่อไปว่า

“ทางบริษัทตั้งเป้าไว้ว่า ถึงปี 2025 จะกลายเป็นสถานประกอบการเทคโนโลยีขั้นสูงและเดินหน้า โดยมีอัตราการขยายตัวแต่ละปีประมาณร้อยละ 20-25 ถึงปี 2030 จะยกระดับเครื่องหมายการค้าหร่างดงขึ้นสู่ระดับอาเซียน โดยมีรายได้ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและเงินเดือนของแรงงานเฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน พร้องทั้งมุ่งสู่การพัฒนาเป็นสถานประกอบการของประชาชาติและเป็นเครื่องหมายการค้าของเวียดนาม”

ในปี 2024 ทางบริษัทพยายามทำรายได้ให้ได้มากกว่า 443 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับปี 2023 สมทบเงินเข้างบประมาณแผ่นดินกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐปัจจุบันนี้ บริษัทติดท็อป 500 สถานประกอบการเวียดนามรายใหญ่ ท็อป 10 สถานประกอบการเดินหน้าในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและท็อป 25 เครื่องหมายการค้าชั้นนำของเวียดนาม โดยสามารถเจาะตลาดต่างประเทศและนำสถานประกอบการขึ้นสู่ระดับภูมิภาคและโลก.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด