ชาวประมงเวียดนาม (Photo VNplus)

ในตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา คุณฝามเหลียว ชาวประมงในแขวงหนายเฮียงดง เขตเซินจ่าเริ่มคุ้นเคยกับการสำแดงสัตว์น้ำที่จับได้ที่ท่าเรือเถาะกวาง โดยถือว่า เป็นเรื่องที่จำเป็นในขณะที่อียูเพิ่มความเข้มงวดต่อการส่งออกของสถานประกอบการ ดังนั้นสถานประกอบการก็ต้องเพิ่มความเข้มงวดต่อชาวประมง หากชาวประมงไม่จัดทำประวัติการจับปลา สำนักงานที่เกี่ยวข้องจะไม่ให้การรับรองและสถานประกอบการจะไม่รับซื้อ ดังนั้น จำเป็นต้องมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดระหว่างชาวประมงกับทางการท้องถิ่นเพื่อให้สัตว์น้ำที่จับได้ในทะเลมีมูลค่ามากขึ้น คุณเหลียวแสดงความคิดเห็นว่า            “ทีมตรวจสอบอยู่ประจำที่ท่าเรือเพื่อทำการตรวจสอบตลอดเวลา หลังจากที่เรือเทียบท่าเรือ ทีมตรวจสอบจะลงไปตรวจสัตว์น้ำในเรือ สมมุติว่า ผมจับปลาได้ตัวหนึ่งที่มีน้ำหนัก 50-70 กิโลกรัม หากขายที่ตลาดญี่ปุ่นจะได้ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ที่เวียดนาม ถ้าไม่จัดทำบันทึกจะขายได้แค่ 130 ดอลลาร์แต่หากทำบันทึกไว้จะขายได้ 330 ดอลลาร์สหรัฐ”

เจ้าของเรือหลายคนบอกว่า การสำแดงใช้เวลานิดหน่อยแต่เอื้อประโยชน์มากมาย แหล่งที่มาของสินค้าได้รับการพิสูจน์อย่างชัดเจนจึงช่วยเพิ่มราคาสินค้าสูงขึ้นหลายเท่า ดังนั้นทุกครั้งที่ออกทะเลจับปลา คุณเหงียนเห่า ชาวประมงเขตเซินจ่าจะพกสมุดจัดทำบันทึกไปด้วยเพราะหากทำตามข้อกำหนด สัตว์น้ำจะขายได้ราคาสูงกว่าและรายได้ของชาวประมงก็เพิ่มขึ้น

จากความตั้งใจต่อต้านกับการทำประมงอย่างผิดกฎหมายขาดการรายงานและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด คณะกรรมการประชาชนนครดานังได้มอบหมายหน้าที่ให้สำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทร่วมมือกับกองบัญชาการทหารชายแดนสาขานครดานังและสำนักงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งสำนักงานตัวแทนเพื่อตรวจสอบอาชีพประมง พร้อมทั้งจัดทำระเบียบการประสานงานระหว่างกองกำลังต่างๆเพื่อทำการตรวจสอบการทำอาชีพประมงตามข้อกำหนดของกฎหมาย โดยมีการเข้าเวรตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบเรือประมงทั้งก่อนและหลังออกจากท่าเรือเถาะกวางและลงโทษผู้กระทำผิดในเขตทะเลของนครดานัง พันโท เหงียนโต๊งเคือง สมาชิกสำนักงานให้คำปรึกษาสังกัดกองบัญชาการทหารชายแดนนครดานังเผยว่า ในตอนแรกที่บังคับให้มีการสำแดงแหล่งที่มาของสัตว์น้ำในท่าเรือก็ประสบความยากลำบากต่างๆแต่ขณะนี้สามารถทำได้อย่างราบรื่นแล้ว            “หากสภาพอากาศดี แต่ละวัน กัปตันเรือต้องติดต่อกับทหารชายแดนอย่างน้อย 1 ครั้งและต้องแจ้งจุดที่เรือกำลังจับปลา รวมทั้งปริมาณที่จับได้เพื่อให้พวกเราติดตามและเตือนภัยเขตอันตรายและสามารถควบคุมการปฏิบัติงานของเรืออย่างเข้มงวด”

ใน 6 เดือนแรกของปี 2018 แต่ละวัน ที่ท่าเรือเถาะกวาง มีเรือประมงประมาณ 50-55 ลำเข้าเทียบท่าเรือเพื่อขายสัตว์น้ำและทำการสำแดงแหล่งที่มาของสินค้า สำนักงานการเกษตรและพัฒนาชนบทนครดานังได้ประสานงานกับกองบัญชาการทหารชายแดนและคณะกรรมการประชาชนเขตต่างๆแนะนำให้สถานประกอบการที่ส่งออกสัตว์น้ำและชาวประมงเกือบ 400 คนที่เป็นเจ้าของเรือและกัปตันเรือที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 90 แรงม้าขึ้นไปทำตามระเบียบการนี้ พร้อมทั้งทำการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับแผนการตรวจสอบและควบคุมอาชีพประมงในนครดานัง.