เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสำเร็จในการผสมผสานอีวีเอฟทีเอ
(VOVWORLD) - เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ข้อตกลงการค้าเสรีเวียดนาม – อียูหรืออีวีเอฟทีเอและข้อตกลงคุมครองการลงทุนหรืออีวีไอพีเอระหว่างสหภาพยุโรปหรืออียีกับเวียดนามได้รับการอนุมัติจากรัฐสภายุโรป ซึ่งจะสร้างกรอบความร่วมมือทวิภาคีที่ยั่งยืนตามแนวทางหุ้นส่วนที่ยุติธรรม มีผลประโยชน์ร่วมกันและมีส่วนร่วมต่อแนวโน้มผลักดันการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นี่ถือเป็นโอกาสให้ชมรมสถานประกอบการเวียดนามเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่มูลค่าโลก
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสำเร็จในการผสมผสานอีวีเอฟทีเอ |
หลังจากที่ข้อตกลงการค้าเสรีอีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ อียูจะยกเลิกภาษีน้ำเข้าต่อสินค้าเวียดนามเกือบร้อยละ 86 ทันที และภายในเวลา 7 ปีจะยกเลิกภาษีต่อสินค้ากว่าร้อยละ 99 ส่วนร้อยละ 1 ที่เหลือจะได้รับโควต้าทางภาษี ส่วนเวียดนามจะยกเลิกภาษีต่อสินค้าอียูร้อยละ 48.5 ทันที แล้วภายในเวลา 7 ปีจะยกเลิกภาษีต่อสินค้าเกือบร้อยละ 92 และเป็นกว่าร้อยละ 98 ภายในเวลา 10 ปี ในสภาวการณ์ความตึงเครียดทางการค้าที่ซับซ้อนระหว่างบางประเทศ ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอจะช่วยให้สถานประกอบการเวียดนามมีความหลากหลายในด้านตลาดและหุ้นส่วน รวมทั้งสร้างชื่อเสียงของสินค้าเวียดนามในตลาดอียู ซึ่งเป็นตลาดใหญ่
นาย บุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า เพื่อให้อีวีเอฟทีเอและอีวีไอพีเอได้รับการปฏิบัติโดยเร็ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำระเบียบการที่จำเป็นเพื่อยืนให้สภาแห่งชาติอนุมัติในการประชุมในเดือนพฤษภาคมนี้ ถ้าหากได้รับการอนุมัติทันทีในการประชุมนี้ จะแจ้งให้ฝ่ายอียูทราบเพื่อเสร็จสิ้นกลไกระเบียบทางนิตินัยต่างๆเพื่อให้ข้อตกลงอีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมปี 2020 ปัจจุบันนี้ กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเวียดนามกำลังเร่งปฏิบัติกลไกเพื่อค้ำประกันในขณะที่ข้อตกลงฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะสามารถปฏิบัติทันที นาย เลืองหว่างท้าย อธิบดีกรมนโยบายการค้าพหุภาคีสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เวียดนามเผยว่า “ก่อนอื่น กลไกนโยบายต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดของข้อตกลงการค้าเสรี ซึ่งหมายความว่า การปฏิรูปกลไกและระเบียบราชการที่เรากำลังปฏิบัตินั้นต้องได้รับการยอมรับจากนานาประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและใช้โอกาสจากข้อตกลงอีวีเอฟทีเอ นี่คือกลุ่มมาตรการใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เน้นในการเตรียมความพร้อม”
ควบคู่กับการเตรียมความพร้อมในด้านกลไกนโยบายของรัฐบาล ชุมรมสถานประกอบการเวียดนามก็วางแผนการในเชิงรุกเพื่อตอบสนองเงื่อนไขใหม่ของอีวีเอฟทีเอ เศษฐกิจเวียดนามกำลังได้รับโอกาสทองเพื่อยกระดับห่วงโซ่มูลค่าโลกเพราะเมื่ออีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้ จะยกเลิกภาษีให้แก่สินค้าเวียดนามเกือบร้อยละ 99 รายการ ซึ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นให้สินค้าที่เป็นจุดแข็งของเวียดนามในการส่งออกไปยังตลาดอียูแต่กลับกันก็เพิ่มความท้าทายต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดภายในประเทศ นาย หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเสนอว่า “สถานประกอบการต้องพร้อมเผชิญหน้าการแข่งขันนี้และต้องพยายามมากขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่ควรรอคอยการช่วยเหลือจากรัฐ ประวัติศาสตร์การเปิดประเทศได้แสดงให้เห็นว่า ทุกๆด้านยอมเผชิญกับการแข่งขัน เปิดประตูโดยเร็วและไม่พึ่งพาการคุ้มครอง ตอนนี้ขีดความสามารถในการแข่งขันสูงแล้ว เราควรส่งเสริมจิตใจดังกล่าวในการผสมผสาน”
สหภาพยุโรปคือตลาดมีเงื่อนไขสูงในระดับโลก ดังนั้น เพื่อจะได้รับสิทธิพิเศษในด้านภาษี สินค้าที่ส่งออกไปยังตลาดนี้ต้องตอบสนองมาตรฐานที่เข้มงวดในด้านคุณภาพ การผลิตและวัถุดิบ นาง เหงียนถิเหวี่ยน ผู้อำนวยการบริษัทผลิตและส่งออกอบเชยและโป๊ยกั๊กเวียดนามเผยว่า จากประสบการณ์ในส่งออกไปยังตลาดอียูในหลายปีที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้เตรียมพร้อมให้แก่การส่งออกสินค้าจำนวนมากขึ้นเพื่อใช้โอกาสจากการลดภาษีจากร้อยละ 14 เหลือร้อยละ 0 ในขณะที่อีวีเอฟทีเอมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้และทั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่า สถานประกอบการเวียดนามต้องพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขึ้นทั้งในรูปแบบการประกอบธุรกิจ ยุทธศาสตร์ การบริหาร บุคลากร คุณภาพของสินค้าและการตอบสนองตามมาตรฐานของยุโรป ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับคำมั่น ความท้าทายและโอกาสสำหรับสินค้าที่เรากำลังผลิตเพื่อวางยุทธศาสตร์การประกอบธุรกิจและปฏิรูปโครงสร้างของตลาด หุ้นส่วนและแหล่งจัดสรรวัตถุดิบเพื่อใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่.