พัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนให้มีความกลมกลืน

(VOVWORLD) -ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ จังหวัดดั๊กลั้ก ได้มีการจัดการประชุมสรุปผลปฏิบัติมติที่ 10 ปี 2002 และข้อสรุปที่12 ปี 2011 ของกรมการเมืองพรรคฯ เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ค้ำประกันด้านความมั่นคงและกลาโหมในเขตที่ราบสูงเตยเงวียน โดยได้เสนอข้อกำหนดใหญ่ๆ เพื่อพัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนอย่างรวดเร็วและยั่งยืนในอนาคต ซึ่งต้องการความรับผิดชอบของหน่วยงานทุกระดับและทั้งระบบการเมือง
พัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนให้มีความกลมกลืน - ảnh 1ภาพการประชุม (VGP)

เขตที่ราบสูงเตยเงวียนมีกลุ่มชาติพันธุ์ 53 กลุ่ม โดยมีชนกลุ่มน้อยกว่า 2 ล้านคนจาก 52 เผ่า คิดเป็นกว่าร้อยละ37 ของประชากรในเขต โดยเฉพาะเป็นเขตที่มีชนกลุ่มน้อยจำนวนมากที่สุดของประเทศ

มีความได้เปรียบต่างๆเพื่อการพัฒนา

เขตที่ราบสูงเตยเงวียนมีความได้เปรียบต่างๆ เช่น มีพื้นที่ป่าไม้ 3.2 เฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 21 ของประเทศ มีหินบะซอลต์ 1 ล้านเฮกตาร์ ออกซิซอล 1.8 ล้านเฮกตาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศที่หลากหลายและมีอากาศเย็นสบาย มีศักยภาพสูงเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงาน เช่น ไฟฟ้าพลังน้ำ ไฟฟ้าพลังงานลม และไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีแร่ธาตุที่หลากหลายและเป็นศูนย์กลางผลิตบอกไซต์ เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น ยางพารากาแฟ พริกไทย ชา มะม่วงหิมพานต์ เป็นต้น รวมทั้งพืชสมุนไพรที่มีค่าต่างๆ เช่น โสมหงอกลิงห์ และมีศักยภาพพัฒนาเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวที่ใหญ่ของประเทศ

ในการกล่าวปราศรัยในการประชุม นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า หลังการปฏิบัติมติที่ 10 และ 10 ปีการปฏิบัติข้อสรุปที่ 12 ขนาดเศรษฐกิจของเขตนี้ในปี 2020 เพิ่มขึ้นเกือบ 14 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2002 จีอาร์ดีพีเฉลี่ยช่วงปี 2002-2020 คิดเป็นร้อยละ 7.98 สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเขตอื่นๆ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของเศรษฐกิจได้มีขึ้นตามแนวทางลดอัตราการเกษตร เพิ่มสัดส่วนภาคบริการและอุตสาหกรรม เป็นเขต

ผลิตเกษตรใหญ่ที่สินค้ามีสัดส่วนสูงในมูลค่าการส่งออกของประเทศ เช่น กาแฟ ยางพารา พริกไทยและผลไม้ อัตราการครอบครัวที่ยากจนลดลง การปกป้องป่า การใช้ทรัพยากรจากแหล่งน้ำได้รับความสนใจจากหน่วยงานทุกระดับและทางการปกครองท้องถิ่น โดยถือเป็นปัญหาสำคัญและเร่งด่วนต่อการทำมาหากินของประชาชนในเขตนี้

แผนพัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนอย่างรอบด้าน

นายกรัฐมนตรีกำชับว่า ในอดีตได้มีการกำหนดให้เขตที่ราบสูงเตยเงวียนต้องมีเสถียรภาพเพื่อพัฒนา ส่วนในปัจจุบัน ได้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อการพัฒนาเพื่อมีส่วนร่วมรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและสังคม ค้ำประกันความมั่นคง งานด้านกลาโหมและผลักดันงานด้านการต่างประเทศ มีการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงในทุกสภาวการณ์ ใช้ความได้เปรียบและโอกาสต่างๆเพื่อแก้ไขความท้าทายเพื่อการพัฒนา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับว่า

“ในการพัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียน ต้องเน้นและใช้มาตรการแก้ไขอย่างพร้อมเพรียงทั้งในด้านการเมือง อุดมการณ์ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความมั่นคงกลาโหมและการต่างประเทศ พัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนอย่างพร้อมเพรียง พัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการแก้ไขปัญหาทางสังคม ปฏิบัตินโยบายสำหรับชนกลุ่มน้อยและปัญหาศาสนา ปลูกฝังความภาคภูมิใจ แปรคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ประเพณีแห่งการปฏิวัติ ความมุ่งมั่นก้าวรุดหน้าต่อไป พึ่งพาตนเองและความสามัคคีให้เป็นพลังขับเคลื่อนต่อการพัฒนา จำเป็นต้องมีกลไกเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะดึงดูดแหล่งพลังในสังคมและการลงทุนจากต่างประเทศ”

พัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนให้มีความกลมกลืน - ảnh 2นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กล่าวปราศรัยในการประชุม (VGP)

สำหรับเป้าหมายพัฒนา นายกรัฐมนตรีได้ชี้ชัดว่า ต้องพัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนพร้อมกับเศรษฐกิจแห่งสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียนและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์วัฒนธรรมของประชาชาติ ต้องเปลี่ยนแปลงแนวความคิดจากการผลิตเกษตรมาเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงเกษตร โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์การเกษตรบางรายการให้เป็นเครื่องหมายการค้าระดับโลก อนุรักษ์ระบบนิเวศ ความมั่นคงด้านแหล่งน้ำ ความมั่นคงทางการเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ทั้งทางวัตถุและจิตใจของประชาชนให้ดีขึ้น รักษาความมั่นคงและงานด้านกลาโหมอย่างเข้มแข็ง

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง กำชับว่า การจัดทำและวางแผนพัฒนาเขตที่ราบสูงเตยเงวียนระยะปี 2021-2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2050 ตามแนวทางแห่งสีเขียว หมุนเวียนและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ต้องอาศัยปัจจัยหลักคือมนุษย์ วัฒนธรรม ประเทศ น้ำและป่าของเขตที่ราบสูงเตยเงวียน ควบคู่กันนั้น การพัฒนาตัวเมืองและการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประชาชนต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขด้านระบบนิเวศและเอกลักษณ์วัฒนธรรม เน้นพัฒนาตัวเมืองให้เป็นศูนย์กลางสำหรับขับเคลื่อนภูมิภาคและอนุภูมิภาค ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาให้แก่เขตใกล้เคียง

“ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสังคม โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ชลประทานและการบริหารแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ก่อสร้างเส้นทางไฮเวย์ให้เสร็จเรียบร้อย ยกระดับสนามบินเพื่อสามารถเชื่อมโยงได้อย่างสะดวกกับท้องถิ่นต่างๆ ภายในประเทศ ภูมิภาคและโลก ควบคู่กันนั้น ต้องปรับเปลี่ยนและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นระบบดิจิทัลควบคู่กับการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของประเทศ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการค้าตามแนวทางที่ทันสมัย ขยายการเชื่อมโยงด้านการค้าพร้อมกับการเชื่อมโยงตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ผลักดันอี – คอมเมิร์ซและโลจิสติกส์”

นายกรัฐมนตรียังกำชับให้เขตที่ราบสูงเตยเงวียนต้องใช้การพัฒนาเกษตรและป่าไม้เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะถิ่นที่มีคุณภาพและมูลค่าสูง พัฒนาการท่องเที่ยวพร้อมกับการอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรม พัฒนาเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวระดับประเทศและพัฒนาเป็นเมืองการท่องเที่ยวระดับโลก ใช้แหล่งพลังจากที่ดินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ค้ำประกันแหล่งที่ดินสำหรับการผลิตให้แก่ประชาชน รวมทั้งการย้ายถิ่นในประเทศ  การพัฒนาเศรษฐกิจสังคมควบคู่กับการรักษาความมั่นคง งานด้านกลาโหม ความมีเสถียรภาพด้านการเมือง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม กลุ่มชาติพันธุ์และศาสนา กระชับความสัมพันธ์ร่วมมือในเขตอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงขยายวงและเขตสามเหลี่ยมพัฒนาเวียดนาม – ลาว – กัมพูชาให้แน่นแฟ้นมากขึ้น

เขตที่ราบสูงเตยเงวียนเป็นหนึ่งในสามเขตเชิงยุทธศาสตร์ด้านความเป็นระเบียบเรียบร้อยทางสังคมและเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจหลักของเวียดนาม ดังนั้น การพัฒนาเขตนี้อย่างรวดเร็ว ยั่งยืนและกลมกลืนจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความมีเสถียรภาพของเวียดนาม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด