ไม่อาจบิดเบือนความเป็นจริงของเสรีภาพด้านความเชื่อและศาสนาในเวียดนาม
(VOVWORLD) - เมื่อเร็วๆนี้มีองค์กรที่ไม่หวังดีจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะ "คณะกรรมการว่าด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนาระหว่างประเทศสหรัฐ"(USCIRF)ได้เสนอการประเมินสถานการณ์เสรีภาพทางศาสนาในเวียดนามที่ไม่ถูกต้องและบิดเบือนความจริงทั้งๆที่ในทางเป็นจริงรัฐเวียดนามได้ปฏิบัตินโยบายการค้ำประกันเสรีภาพในด้านความเชื่อและการนับถือศาสนาของพลเมืองทุกคนอย่างจริงจังอยู่เสมอ
ประธานประเทศพบปะกับผู้แทนองค์กรศาสนาต่างๆในอำเภอฮอกโมนเมื่อเดือนพฤษภาคมปี2021 |
ในรัฐธรรมนูญปี 2013 ของเวียดนามได้ระบุเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและการนับถือศาสนาในมาตรา 24 ว่า “1. ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและศาสนา โดยสามารถเลือกนับถือหรือไม่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง และทุกศาสนามีความเสมอภาคกันตามกฎหมาย 2. รัฐให้ความเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและการนับถือศาสนา” ซึ่งด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว รัฐเวียดนามได้ยึดมั่นปฏิบัตินโยบายการเคารพและสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้ประชาชนทุกคนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและการนับถือศาสนาและกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้ำประกันสิทธิดังกล่าวให้ดีที่สุด
โดยสภาแห่งชาติสมัยที่14ได้อนุมัติกฎหมายว่าด้วยความเชื่อและศาสนาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2016 ต่อจากนั้น รัฐบาลได้ลงนามประกาศใช้กฤษฎีกาฉบับที่ 162/2017/ND-CP ที่กำหนดรายละเอียดบางมาตรการในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยความเชื่อและศาสนา นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงเนื้อหาต่างๆเกี่ยวกับกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เช่น การฝึกอบรมผู้มีสมณศักดิ์ การสร้างและซ่อมแซมศาสนสถาน กิจกรรมการกุศล การคุ้มครองทางสังคม เป็นต้น ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ เช่น กฎหมายแพ่ง กฎหมายที่ดิน กฎหมายมรดก กฎหมายการศึกษา เป็นต้นเพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบการต่างๆว่าด้วยเสรีภาพด้านความเชื่อทางศาสนา
ในกรอบของกฎหมายเหล่านี้ เสรีภาพด้านความเชื่อและศาสนาในเวียดนามนับวันได้รับการค้ำประกันในภาคปฏิบัติอย่างเข้มแข็งจริงจัง โดยคาดว่าชาวเวียดนามร้อยละ95มีชีวิตจิตใจด้านความเชื่อและศาสนา รัฐได้รับรองฐานะของ16ศาสนาและองค์กรศาสนา 43 แห่ง เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์โปรเตสแต้น ศาสนากาวด่าย ศาสนาพุทธนิกายหว่าหาว ศาสนาอิสลาม ศาสนาบาไฮ โดยมีผู้นับถือศาสนาต่างๆกว่า 26.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 28ของประชากรทั้งประเทศ
พร้อมกับการสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อทางศาสนาอย่างเต็มที่แล้ว รัฐเวียดนามยังส่งเสริมและสร้างเงื่อนไขให้องค์กรทางศาสนาส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความร่วมมือระหว่างประเทศ และขยายกิจกรรมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยทุกปีได้มีผู้แทนองค์กรศาสนาต่างๆหลายร้อยคณะในประเทศเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในต่างประเทศและมีบุคคลสำคัญด้านศาสนาของต่างประเทศจำนวนมากได้เดินทางมาเวียดนามเพื่อทำกิจกรรมทางศาสนาต่างๆ นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นฝ่ายรุกในการสนทนาและหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การใช้สิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและศาสนาในเวียดนามอย่างแข็งขันผ่านการประชุมทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีและช่องทางการสนทนาด้านสิทธิมนุษยชนประจำปีกับหลายประเทศทั้งสหรัฐ ออสเตรเลีย นอร์เวย์ และยุโรป เป็นต้น
ทั้งนี้แม้ได้เห็นความเป็นจริงที่ชัดเจนของชีวิตด้านความเชื่อและศาสนาที่คึกคักในเวียดนาม แต่ก็ยังมีหลายองค์กรที่ขาดความปรารถนาดี โดยเฉพาะ "คณะกรรมการว่าด้วยเสรีภาพในการนับถือศาสนาระหว่างประเทศสหรัฐ" (USCIRF) ที่มักจะมีการประเมินในเชิงลบเกี่ยวกับเวียดนาม ตัวอย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้ USCIRF ได้เผยแพร่ "รายงานอัพเดทสถานการณ์เสรีภาพทางศาสนาในเวียดนามในปี 2021" โดยเสนอข้อมูลที่ผิดพลาดและอ้างว่าการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยความเชื่อและศาสนาในหลายท้องถิ่นนั้นไม่ถูกต้องสมบูรณ์ กองกำลังบังคับใช้กฎหมายเวียดนาม "ยังคงปราบปรามและขัดขวางผู้ที่นับถือและองค์กรศาสนาที่ยังไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย มีการจับกุม ดำเนินคดีต่อ"นักเคลื่อนไหวทางศาสนา" และ "นักโทษแห่งมโนธรรม" รวมถึงเหงวียน บั๊ก เฉวียน ซึ่งเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายซึ่งถูกดำเนินคดีและศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ซึ่งทาง USCIRF ได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุเวียดนามในรายชื่อ "ประเทศที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ" (CPC) สำหรับข้อมูลที่ USCIRF ใช้ในรายงานนี้รวบรวมจากองค์กรปฏิกิริยานอกประเทศเช่น "คณะกรรมการช่วยคนข้ามทะเล - BPSOS" "โต๊ะกลมแห่งศาสนาเวียดนาม" "ชาวเถืองเพื่อความยุติธรรม - MSFJ" เป็นต้น ที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนหัวรุนแรงในประเทศ โดยการประเมินที่ผิดพลาดของ USCIRF เป็นการปัดปฏิเสธต่อความพยายามของเวียดนามในการปรับปรุงระบบกฎหมายให้มีความมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบังคับใช้นโยบายเพื่อค้ำประกันและส่งเสริมสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาของประชาชนทุกคน
ในไม่ว่าประเทศใด ทุกกิจกรรมทางศาสนาต่างได้รับการดูแลเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเวียดนามก็แสดงความปรารถนาดีและมีการหารืออย่างเปิดเผยในการให้ข้อมูลแก่ประเทศและองค์กรที่สนใจประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงเรื่องเสรีภาพด้านศาสนา รวมไปถึงการเชิญคณะผู้แทน รวมถึงคณะผู้แทนจาก USCIRF เดินทางมาเวียดนามเพื่อศึกษาให้เห็นกับตาถึงความจริงเกี่ยวกับความพยายามและการเปลี่ยนแปลงที่เข้มแข็งเกี่ยวกับการค้ำประกันสิทธิเสรีภาพด้านความเชื่อและการนับถือศาสนาในเวียดนาม ดังนั้นเวียดนามขอแนะนำว่า องค์กร USCIRF จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและใช้วิธีการเข้าถึงปัญหาอย่างมีภาวะวิสัยและในเชิงสร้างสรรค์ในการจัดทำและเผยแพร่รายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์เสรีภาพทางศาสนาทั้งของเวียดนามและประเทศอื่น ๆ ซึ่งเป็นหลักการและจุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กรที่มีความปรารถนาดีและต้องการผลักดันสิทธิเสรีภาพด้านศาสนาในทั่วโลก./.