การประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลในการนำเข้าและส่งออกสินค้า - แนวทางที่จำเป็นในสภาวการณ์ที่บรรยากาศการประกอบธุรกิจมีความผันผวนเป็นอย่างมาก
Vinh Phong - VOV5 -  
(VOVWORLD) - การค้าดิจิทัลในการนำเข้าและส่งออกออนไลน์คือแนวทางที่จำเป็นในบรรยากาศการประกอบธุรกิจที่มีความผันผวนเป็นอย่างมาก ในฟอรั่ม “การประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มในการนำเข้าและส่งออกสินค้า” โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเวียดนามประสานงานกับหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม สมาคมอี- คอมเมิร์สเวียดนามจัดขึ้น ณกรุงฮานอยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักธุรกิจได้ยืนยันว่า การส่งออกออนไลน์คือโอกาสเชื่อมโยงสถานประกอบการเวียดนามที่มีความต้องการในการนำเข้าและส่งออกสินค้าข้ามแดนกับสถานประกอบการที่ให้บริการออนไลน์
นายกาวก๊วกฮึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์กล่าวปราศรัยในฟอรั่ม (Photo qdnd)
|
ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนของโรคโควิด 19 การประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มในการนำเข้าและส่งออกสินค้าช่วยลดความเสียหายให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจของสถานประกอบการเพราะยังคงสามารถขายออนไลน์ได้และสามารถทำการผลิตได้เหมือนเดิมหลังการเว้นระยะห่างทางสังคม นายกาวก๊วกฮึง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์เผยว่า ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกของเวียดนามได้บรรลุ 1แสน 2หมื่น 2พัน 8ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ช่วยให้มูลค่าการนำเข้าและส่งออกในเดือนต่อๆไปมีศักยภาพสูงขึ้น ดังนั้นสำนักงานที่เกี่ยวข้องกำลังปฏิบัติมาตรการสนับสนุนการนำเข้าและส่งออกออนไลน์ “กระบวนการประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มในการนำเข้าและส่งออกได้มีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพการให้บริการภาครัฐ อำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ ประหยัดเวลา ต้นทุนการผลิตและแรงงาน ควบคู่กันนั้นเราก็ตั้งความหวังต่อโอกาสของข้อตกลงการค้าฉบับต่างๆ เช่น ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างเวียดนามกับสหภาพยุโรปหรืออีวีเอฟทีเอ แต่เพื่อสามารถใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ ทางกระทรวงฯได้ปฏิบัติมาตรการต่างๆ เช่นประกาศเอกสารที่จำเป็นและผลักดันการสนทนากับชมรมสถานประกอบการเพื่อแก้ไขอุปสรรคต่างๆในการผลิตและประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะในการนำเข้าและส่งออก เราจะขยายและพัฒนาการให้บริการออนไลน์มากขึ้นเพื่อปฏิบัติแนวทางพัฒนารัฐบาลที่สร้างสรรค์รับใช้ประชาชนและสถานประกอบการ ส่วนสถานประกอบการต้องเป็นฝ่ายรุกในการศึกษาหาแนวทางและรูปแบบที่สอดคล้อง เตรียมความพร้อมต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ”
บนเส้นทางการนำเข้าและส่งออกที่ทันสมัย สถานประกอบการต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลโดยเร็วเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ แม้ที่ผ่านมาการประยุกต์เทคโนโลยีมักจะทำกันในสถานประกอบการขนาดใหญ่ แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้ได้กลายเป็นทางเลือกของสถานประกอบการเวียดนามขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากการเกิดขึ้นของอี– คอมเมิร์สในเวียดนามและต่างประเทศ ซึ่งช่วยให้สถานประกอบการสามารถหาผู้นำเข้าและได้รับใบสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ นาย หวูเตี๊ยนหลก ประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามเผยว่า “นับตั้งแต่มีการใช้ระบบอินเตอร์เน็ต สถานประกอบการขนาดย่อมและขนาดเล็กของเวียดนามไม่เพียงแต่สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าได้เท่านั้นหากยังเป็นคู่แข่งของสถานประกอบการขนาดใหญ่อีกด้วย แต่ตลาดโลกและลูกค้าในทั่วโลกคือโอกาสและความท้าทายต่อสถานประกอบการทุกแห่ง ซึ่งจำเป็นต้องพยายามเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น การติดต่อโดยตรงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคและการสื่อสารกับผู้บริโภคจะเป็นแนวทางของอี - คอมเมร์สในเวลาที่จะถึง”
การเปลี่ยนแปลงใหม่ในการนำเข้าและส่งออกคือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในขั้นตอนการทำระเบียบการภาครัฐ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลาและลดค่าใช้จ่ายให้แก่สถานประกอบการเท่านั้น หากยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหาร และดึงดูดนักลงทุนระหว่างประเทศ ดังนั้นนี่จะเป็นแนวทางที่จำเป็นของสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานประกอบการนำเข้าและส่งออกในขณะที่ข้อตกลงการค้าฉบับต่างๆกำลังเปิดโอกาสมากมาย นาย เหงียนซวนหุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของบริษัทฟาโดเวียดนาม ที่ให้บริการแพลตฟอร์มนำเข้าและส่งออกออนไลน์ผ่านแอพฯ MICZONE เผยว่า “เพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ เราไม่เพียงแต่ต้องเข้าร่วมอี - คอมเมิร์สเท่านั้น หากยังต้องหาลูกค้าและทำธุรกรรมให้สำเร็จอีกด้วยซึ่งต้องปรับปรุงเงื่อนไขต่างๆ เช่นโลจิสติกส์และการชำระเงิน แต่สถานประกอบการที่เข้าร่วมอี-คอมเมิร์สของเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์สูง นี่คือความท้าทาย ดังนั้นฟอรั่มในวันนี้จะอำนวยความสะดวกให้สถานประกอบการได้เห็นภาพรวมเกี่ยวกับแผนการเพื่อเตรียมความพร้อมประกอบธุรกิจในตลาดอี-คอมเมิร์สอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
กระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ได้เปิดเว็บไซต์สนับสนุนการส่งออกเวียดนามหรือ ECVN รุ่น 2020 เพื่อช่วยเหลือสถานประกอบการฟันฝ่าอุปสรรคท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 และสามารถใช้โอกาสจากข้อตกลงการค้าเสรีได้โดยเร็ว นี่คือกิจกรรมที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติแผนทั่วไปเกี่ยวกับการพัฒนาระบบอี –คอมเมิร์สแห่งชาติระยะปี 2021 ถึงปี 2025 และโครงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแห่งชาติถึงปี 2025 กำหนดแนวทางถึงปี 2030 ที่ได้รับการอนุมัติจากนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนที่ผ่านมาเพื่อให้อี-คอมเมิร์สเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนาม.
Vinh Phong - VOV5