ศักยภาพในการนำเข้าและส่งออกในตลาดซีพีทีพีพีนับวันเพิ่มสูงขึ้น

(VOVWORLD) -ข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกหรือซีพีทีพีพีมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการสำหรับเวียดนามนับตั้งแต่วันที่ 14 มกราคมปี 2019 ซึ่งเป็นการปฏิบัติข้อตกลงการค้าเสรีรุ่นใหม่ที่มีมาตรฐานสูงฉบับแรกและหลังการปฏิบัติมาเป็นเวลา ปี ข้อตกลงซีพีทีพีพีได้ช่วยให้การส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังประเทศเอเชียที่ลงนามในซีพีทีพีพีและประเทศที่ยังไม่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับเวียดนาม เช่น แคนาดา เม็กซิโกและเปรู รวมทั้งตลาดที่มีเงื่อนไขสูง เช่น ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ศักยภาพในการนำเข้าและส่งออกในตลาดซีพีทีพีพีนับวันเพิ่มสูงขึ้น - ảnh 1นาย เจิ่นแทงหาย รองอธิบดีกรมนำเข้าและส่งออกสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ( bocongthuong)

ในปี 2023 มูลค่าการส่งออกของเวียดนามในตลาดซีพีทีพีพีที่มีประชากรรวมกันกว่า 500 ล้านคนอยู่ในระดับสูง ราว 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะนี่คือตลาดที่เวียดนามมีความได้เปรียบในการส่งออก นาง เหงียนถิทูจาง ผู้อำนวยการศูนย์องค์การการค้าโลกและการผสมผสานสังกัดสหพันธ์การค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามหรือวีซีซีไอ เผยว่า

“หุ้นส่วนของซีพีทีพีพีไม่ใช่ประเทศใหม่ ซึ่ง 7 ใน 10 หุ้นส่วนล้วนเป็นประเทศที่เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีอย่างน้อย 1 ฉบับเช่น สิงคโปร์ แต่ซีพีทีพีพีเป็นข้อตกลงฉบับแรกที่เรามุ่งเน้นทวีปอเมริกา ในอดีต เรามีข้อตกลงการค้าเสรีกับชิลีแต่เป็นข้อตกลงแบบเก่าที่มีขอบเขตเล็ก การเข้าร่วมข้อตกลงซีพีทีพีพี เวียดนามสามารถเข้าถึงตลาด 2 แห่งในอเมริกาใต้คือเปรูและชิลี และตลาดในอเมริกาเหนืออีก 2 แห่งคือแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเปิดโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เวียดนามในการเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง”

ในมุมมองการบริหารภาครัฐ นาย เจิ่นแทงหาย รองอธิบดีกรมนำเข้าและส่งออกสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ให้ข้อสังเกตว่า สถานประกอบการเวียดนามนับวันใช้โอกาสจากข้อตกลงรุ่นใหม่ๆ ดั่งเช่นซีพีทีพีพีอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดจากมูลค่าการส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น

“ในเวลาที่ผ่านมา การขยายตัวของการส่งออกไปยังตลาดซีพีทีพีพีเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจ ซึ่งไม่เหมือนกับตลาดเก่าๆ เช่น สหภาพยุโรป โดยตลาดต่างๆ ในทวีปอเมริกา เช่น แคนาดา เม็กซิโกและเปรู ล้วนเป็นตลาดใหม่สำหรับเวียดนาม โดยก่อนที่เราลงนามในข้อตกลงซีพีทีพีพี มูลค่าการส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังตลาดเหล่านี้อยู่ในระดับต่ำ แต่หลังจากที่มีข้อตกลงซีพีทีพีพี มูลค่าการส่งออกของเวียดนามไปยังตลาดเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก”

ตามข้อตกลงซีพีทีพีพี ทุกประเทศที่เข้าร่วมต้องยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าที่มาจากเวียดนามตั้งแต่ 97 – 100 เปอร์เซนต์แล้วแต่คำมั่นของแต่ละประเทศ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่สำคัญเพื่อช่วยให้เวียดนามเจาะตลาดใหม่ๆ แต่สถานประกอบการเวียดนามก็ต้องใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่ นาย เลยวีบิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของบริษัท Economica เวียดนามแสดงความคิดเห็นว่า สินค้าที่มีมูลค่าสูงและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของเวียดนามที่ส่งออกไปยังตลาดซีพีทีพีพียังมีน้อย และสถานประกอบการเวียดนามยังไม่สามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างสมบูรณ์ โดยอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับสถานประกอบการเวียดนามคือการทำตามเงื่อนไขเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า

“ความรู้ของสถานประกอบการเวียดนามเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้ามีความแตกต่างกัน และอาจยังไม่สมบูรณ์ ข้อตกลงซีพีทีพีพีมีข้อกำหนดมากมายเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า เพื่อตอบสนองเงื่อนไขนี้ สถานประกอบการเวียดนามต้องมีขั้นตอนการผลิต การซื้อวัตถุดิบ การปลูกและการเพาะเลี้ยงให้เหมาะสม ซึ่งต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนเพื่อสามารถยืนยันเกี่ยวกับแหล่งที่มาของสินค้า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นอุปสรรคของสถานประกอบการเวียดนามหลายแห่ง”

จนถึงปลายปี 2022 ข้อตกลงซีพีทีพีพีได้มีผลบังคับใช้กับสมาชิกเกือบทุกประเทศ โดยอังกฤษเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของซีพีทีพีพีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ส่วนหลายประเทศก็อยากเข้าเป็นสมาชิกของข้อตกลงฉบับนี้ ซึ่งมีทั้งโอกาสและความท้าทายมากมาย นาย เลืองหว่างท้าย อธิบดีกรมนโยบายการค้าพหุภาคีสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ได้ให้ข้อสังเกตว่า

“ข้อตกลงซีพีทีพีพีได้ดึงดูดความสนใจของหุ้นส่วนต่างๆ ซึ่งหลายหุ้นส่วน รวมทั้งเศรษฐกิจรายใหญ่ เช่น จีน และบางประเทศอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์และไทยได้ทำเรื่องขอเข้าเป็นสมาชิก  ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ข้อตกลงนี้ได้นำโอกาสมาให้แก่เวียดนามมากกว่าข้อตกลงฉบับอื่นๆ แต่เวียดนามก็ต้องแข่งขันกับหุ้นส่วนมากขึ้น”

นาย เลืองหว่างท้าย เผยต่อไปว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเวียดนาม ในเร็วๆนี้ สถานประกอบการเวียดนามควรเน้นเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าผ่านการยกระดับคุณภาพให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ความนิยมและเงื่อนไขต่างๆ ของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะมุ่งสู่การผลิตสินค้าแห่งสีเขียว การพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด