ส่งเสริมกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
Thu Trang; Vinh Phong -  
(VOVWORLD) - ในเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนอย่างซับซ้อน แต่จีดีพีของเวียดนามยังคงมีการขยายตัวที่น่ายินดี ดัชนีบรรยากาศการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น 12 คะแนน ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 องค์กรระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า การขยายตัวจีดีพีของเวียดนามในปีนี้จะอยู่ที่ตั้งแต่ร้อยละ 5.3 ถึง 6.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด แต่นี่ก็เป็นสัญญาณที่ว่า บรรดานักธุรกิจระหว่างประเทศมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตของเศรษฐกิจเวียดนามในห่วงโซ่คุณค่าโลก
นาย แอนดรูว์ เจฟฟรีส์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือ ADB ในเวียดนาม (VGP) |
บริษัทตัดเย็บเสื้อผ้า Dap Cau ในจังหวัดบั๊กนิง เป็นสถานประกอบการตัดเย็บเสื้อผ้าที่ผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดส่งออกไปยังต่างประเทศในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 4 อีกทั้งยังเป็นบริษัทแรกในกลุ่มบริษัทสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่มีพนักงานติดเชื้อโรคโควิด-19 จนต้องหยุดทำงาน ความเสียหายในช่วงเวลานั้นอยู่ที่ประมาณ 6 แสนล้านด่ง นาย เหงียนดึ๊กทัง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของบริษัทตัดเย็บเสื้อผ้า Dap Cau กล่าวว่า
“ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น เราได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล จังหวัดและท้องถิ่น ซึ่งช่วยค้ำประกันการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด พนักงาน แรงงานและบริษัทได้รับสิทธิพิเศษจากมติที่ 68 ของรัฐบาลและได้รับการช่วยเหลือจากประกันภัย จนถึงขณะนี้ สถานประกอบการได้ฟื้นฟูการผลิตและประกอบธุรกิจ 100% แรงงานกลับมาทำงานตามปกติ ตอนนี้ ผมกังวลเรื่องการผลิตเนื่องจากเราไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบได้ตามกำหนดในขณะที่ลูกค้ายังต้องการให้เราส่งมอบสินค้าตรงเวลา”
ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ รัฐบาลต้องศึกษา เสนอและปฏิบัติมาตรการแก้ไขในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวโดยเร็วเพื่อฟื้นฟูกิจกรรมการค้ากับประเทศที่มีกิจกรรมการค้าในระดับสูง นาย แอนดรูว์ เจฟฟรีส์ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียหรือ ADB ในเวียดนามแสดงความเห็นว่า ในระยะสั้น การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดเป็นเป้าหมายที่ต้องปฏิบัติทันที และรัฐบาลเวียดนามต้องผลักดันการเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการลงทุนภาครัฐ และดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน อีกทั้งต้องมีการสนับสนุนที่เหมาะสมเพื่อให้สถานประกอบการฟื้นตัว
ในกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเวียดนาม ธนาคาร ADB และองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งได้คาดการณ์ว่า "อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามในปีนี้อาจสูงเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากแรงกดดันจากเงินเฟ้อและวิกฤตอาหารโลก” ซึ่งในทางเป็นจริง รัฐบาลเวียดนามยังได้ระบุความท้าทายต่างๆในสภาวการณ์ใหม่ และกำลังตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ร้อยละ 4
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เหงียนบิ๊กเลิม อดีตอธิบดีทบวงสถิติ (VNA) |
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ เหงียนบิ๊กเลิม อดีตอธิบดีทบวงสถิติกล่าวว่า นี่เป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้สูงในการปฏิบัติ แต่เศรษฐกิจต้องพยายามในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะความพยายามในการปฏิบัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรัฐบาลต้องแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับกลไกการบริหาร นโยบายและขั้นตอนระเบียบราชการอย่างทันท่วงที ทบทวนและยกเลิกกฎระเบียบที่ไม่เหมาะสม ต้องเพิ่มความหลากหลายของแหล่งจัดสรร มีความโปร่งใสและปรับปรุงกระบวนการทางการค้าให้กระทัดรัด เป็นฝ่ายรุกเกี่ยวกับแหล่งจัดสรรวัตถุดิบ เพิ่มความเป็นอิสระและการพึ่งตนเองของเศรษฐกิจ ประสานงานอยย่างคล่องตัว ปฏิบัตินโยบายการเงินและการคลังอย่างเหมาะสม ชุมชนสถานประกอบการต้องเตรียมเงื่อนไขทั้งหมดอย่างแข็งขันเพื่อส่งเสริมการผลิตและการประกอบธุรกิจ ค้ำประกันแหล่งจัดสรรและการหมุนเวียนของสินค้า บริหารงานอย่างถูกต้องและสอดคล้องกับผลประโยชน์ทั้งของผู้ประกอบการด้านปิโตรเลียม ผู้บริโภคและสถานประกอบการ เช่นเดียวกับความเห็นนี้ นาย ฟาน ดึ๊ก เหียว สมาชิกของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจของสภาแห่งชาติแสดงความเห็นว่า
“ผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศและต่างประเทศต่างก็มีการคาดการณ์ทั้งที่คล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือเรื่องความคาดหวังและพื้นฐาน ผมคิดว่า การคาดการณ์ก็ยังคงเป็นการคาดการณ์ มีข้อสะดวกหลายข้อ และยังคงมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เราอาจไม่คาดคิด แต่ความเสี่ยงที่เราเห็นแล้วมีอาทิ เช่น ราคาวัตถุดิบ อัตราเงินเฟ้อและความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่เรายังมีศักยภาพเพื่อพัฒนามากขึ้น การเติบโตหรือการพัฒนาขึ้นอยู่กับความพยายามของเรา และวิธีการที่เราจะปฏิบัติในเวลาที่จะถึง”
นาย Francois Painchaud หัวหน้าตัวแทนของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในเวียดนามกล่าวว่า ต้องปฏิบัติโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ ต้องเร่งปฏิบัติโรงการช่วยเหลือสำหรับประชาชนและสถานประกอบการ ค้ำประกันการปฏิบัตินโยบายที่โปร่งใสและเปิดกว้าง เวียดนามต้องมีนโยบายให้สิทธิพิเศษ รวมถึงการส่งเสริมการฟื้นตัวและการรักษาตลาดการเงิน และนโยบายที่มีความรวดเร็วเพื่อสนับสนุนผู้ที่ประสบอุปสรรคและกลุ่มเปราะบางได้อย่างทันท่วงที
ทัศนะและข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในประเทศและต่างประเทศได้แสดงให้เห็นว่า การฟื้นฟูการผลิตและการเติบโตทางเศรษฐกิจต้องได้รับความสนใจเป็นอันดับแรกและทันที แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเน้นพิจารณาและกำหนดมาตรการนี้ให้สามารถปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อมาตรการและเป้าหมายในระยะสั้นได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีก็จะเป็นพื้นฐานสำหรับกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อนในปัจจุบัน.
Thu Trang; Vinh Phong