สหกรณ์หงอกหว่างมีพื้นที่ปลูกแก้วมังกรกว่า 200 เฮกตาร์ ให้ผลผลิตประมาณ 3,000 ตันต่อปี

สหกรณ์หงอกหว่าง ในอำเภอมายเซิน จังหวัดเซินลาเริ่มส่งออกแก้วมังกรตั้งแต่ปี 2016 จนถึงขณะนี้ ได้กลายเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงในด้านการส่งออกผลไม้สดของเซินลา ปัจจุบัน สหกรณ์หงอกหว่างมีพื้นที่ปลูกแก้วมังกรกว่า 200 เฮกตาร์ ให้ผลผลิตประมาณ 3,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์แก้วมังกรเนื้อแดงของสหกรณ์ฯได้รับการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ เช่น รัสเซียและฝรั่งเศส ซึ่งการทำให้แก้วมังกรที่ปลูกได้มาตรฐานเพื่อส่งออก ทางสหกรณ์ฯได้เผยแพร่ให้สมาชิกของสหกรณ์ควบคุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การใช้ปุ๋ยจนถึงการตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและปลอดภัย อีกทั้งยังนำตัวอย่างไปทดสอบคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยผลิตภัณฑ์แก้วมังกรของสหกรณ์ฯที่ส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศต้องได้รับการค้ำประกันด้านรหัสพื้นที่ปลูกและการตรวจโรคพืช ผลที่ออกต้องมีความสวยงามมีขนาดและคุณภาพสม่ำเสมอ มีน้ำหนักตั้งแต่ 350 กรัมต่อผลขึ้นไป นาง เหงียนถิยุง รองผู้อำนวยการสหกรณ์หงอกหว่าง กล่าวว่า

“เพื่อค้ำประกันการส่งออกแก้วมังกรนั้นต้องผ่านหลายขั้นตอน เมื่อเก็บผลผลิตต้องระวังไม่ให้ผลแก้วมังกรช้ำ แล้วต้องทำความสะอาดหลายครั้งก่อนบรรจุกล่องเพื่อส่งออก”

ปัจจุบัน สหกรณ์หงอกหว่างกำลังร่วมมือกับบริษัทนำเข้าและส่งออกที่มีชื่อเสียงในประเทศเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์สู่ตลาดต่างประเทศ ล่าสุด แก้วมังกรงวดที่ 3 ในปีนี้ถูกส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์รวมปริมาณ 2 ตัน ถึงแม้ว่าปริมาณการส่งออกนี้จะไม่มากนัก แต่นี่ถือเป็นก้าวเดินที่สำคัญในการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์แก้วมังกรเนื้อแดงของเซินลาสู่ตลาดโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดส่งออก ปัจจุบัน สหกรณ์หงอกหว่าง กำลังเน้นพัฒนาพื้นที่ปลูกแก้วมังกรในอำเภอมายเซิน ถ่วนโจว์ เอียนโจว์ หมกโจว์ ซงหมาและซบกบ โดยพื้นที่ปลูกแก้วมังกรทั้งหมดดำเนินการตามกระบวนการผลิตอินทรีย์ มาตรฐานVietGap และมาตรฐาน GlobalGAP นาย โด๋แยงเยิต สมาชิกสหกรณ์หงอกหว่างในอำเภอมายเซิน จังหวัดเซินลา เผยว่า

“เมื่อกล่าวถึงคุณภาพของแก้วมังกรเพื่อการส่งออกสิ่งที่สำคัญคือคือปุ๋ยซึ่งจะต้องใช้อินทรีย์ และ 2 คือ ยาฆ่าแมลงซึ่งจะต้องใช้ที่เป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพ”

ด้วยประสบการณ์หลายสิบปีในการพัฒนาการปลูกแก้วมังกรเนื้อแดงในจังหวัดเซินลา สหกรณ์หงอกหว่างมีข้อได้เปรียบมากมายในการปลูกแก้วมังกรที่มีคุณภาพและตอบสนองมาตรฐานที่เข้มงวดของตลาดส่งออก นาย เหงียนกวางวิงห์ ผู้อำนวยการสหกรณ์หงอกหว่าง เผยว่า

“ในปีนี้ สหกรณ์ฯได้ลงนามสัญญากับหุ้นส่วน 5 ราย โดยใช้การขนส่งทางอากาศเฉลี่ย 6 ตันต่อสัปดาห์ ซึ่งคาดว่า จะส่งไปยังสหภาพยุโรปหรือ EU และตะวันออกกลางประมาณ 2 พันตันในปีนี้”

ล่าสุด แก้วมังกรงวดที่ 3 ในปีนี้ของสหกรณ์หงอกหว่างถูกส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์รวมปริมาณ 2 ตัน

จากการปฏิบัติการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานการเกษตรตามแนวทางเพิ่มมูลค่าและพัฒนาอย่างยั่งยืน ท้องถิ่นต่างๆในจังหวัดเซินลา โดยเฉพาะอำเภอมายเซินได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพันธุ์พืชและพัฒนาผลผลิตที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งแก้วมังกร ปัจจุบัน อำเภอมายเซินเป็นท้องถิ่นที่อยู่แถวหน้าด้านพื้นที่ปลูกแก้วมังกรตามมาตรฐาน VietGAP ในจังหวัดเซินลา ปัจจุบัน จังหวัดเซินลามีพื้นที่ปลูกแก้วมังกร 300 เฮกตาร์ที่ได้มาตรฐานการส่งออก โดยส่วนใหญ่ปลูกในอำเภอมายเซิน ถ่วนโจว์ เอียนโจว์และหมกโจว์ โดยมีผลผลิตเฉลี่ย 5,000 ตันต่อปี ผลิตภัณฑ์แก้วมังกรเซินลาได้รับการค้ำประกันเครื่องหมายการค้าด้วยการรักษาคุณภาพในตลาดภายในประเทศและตลาดต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลีและรัสเซีย ซึ่งการส่งออกผลไม้ไปยังตลาดต่างประเทศคือเป้าหมายหลักที่สหกรณ์หลายแห่งในจังหวัดเซินลากำลังมุ่งเน้นปฏิบัติ นาย เลวันเซิน จากบริษัทหุ้นส่วนเขตที่ราบสูงหมกโจว์ กล่าวว่า

“ตลาดหลักของบริษัทฯ คือ ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดาและเนเธอร์แลนด์ สำหรับแก้วมังกรมายเซิน ตลาดในต่างประเทศก็เริ่มนำเข้าแล้ว ในด้านคุณภาพ แก้วมังกรมายเซินได้รับการจัดอันดับในระดับค่อนข้างสูง และทางบริษัทฯยังคงประชาสัมพันธ์แก้วมังกรในตลาดต่างๆ”

หลังจากได้รับการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศมาเป็นเวลา 7 ปี แก้วมังกรเนื้อแดงของจังหวัดเซินลาสามารถเข้าจำหน่ายในตลาดที่มีมาตรฐานเข้มงวดอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ รัสเซียและญี่ปุ่น ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าของแก้วมังกรเนื้อแดง อีกทั้งยืนยันถึงเครื่องหมายการค้าและคุณภาพสินค้าเกษตรเซินลาในตลาดต่างประเทศ.