การสัมมนาทางวิชาการ“ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓ หวนมองดูอดีต๔๐ปี”
(VOVWorld) – ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓จึงเป็นสัญญลักษณ์ของเจตนารมณ์“ไม่มีอะไรที่มีค่ากว่าเอกราชและเสรีภาพ”ของประชาชาติเวียดนามและเป็นชัยชนะของประเทศพี่น้อง เพื่อนมิตร และของขบวนการปลดปล่อยประชาชาติของประชาชนที่ฝักใฝ่สันติภาพ และความยุติธรรมในโลก
|
ท่านLê Hữu Thọที่ปรึกษาพิเศษของคณะเจรจาเวียดนามและนายHenry Kissinger รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ(Photo:Internet) |
(VOVWorld) – เช้าวันที่๑๗เดือนนี้ ณ กรุงฮานอย มหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย ได้จัดการสัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ“ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓ หวนมองดูอดีต๔๐ปี”โดยมีนักวิชาการจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ ประวัติศาสตร์และการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยเยอรมนี มหาวิทยาลัยHavard ประเทศสหรัฐ อดีตเอกอัครราชทูต เจ้าหน้าที่การทูต สมาชิกของคณะเจรจาข้อตกลงปารีส บรรดาผู้ร่วมเหตุการณ์ ศาสตราจารย์และนักวิชาการของเวียดนามเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ศาสตราจารย์ ดร.Nguyễn Văn Khánhอธิการบดีมหาวิทยาลัยสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติฮานอย ได้กล่าวปราศรัยเปิดการสัมมนาโดยยืนยันว่า ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓ไม่เพียงแต่เป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อภารกิจช่วงชิงเอกราช รวมประเทศเป็นเอกภาพเท่านั้นหากยังเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับศิลปะการทหาร ศิลปะการเจรจา และปัญหาระหว่างประเทศอื่นๆ ๔๐ปีหลังวันลงนามข้อตกลงปารีส บทเรียนเกี่ยวกับศิลปะการทูตและการเจรจาในการประชุมปารีสยังคงทรงคุณค่ามาจนถึงปัจจุบัน“การสัมมนาครั้งนี้จะมีการมองในทุกด้านและทุกมิติโดยเน้นเนื้อหาสำคัญบางประการ ๑คือสภาวการณ์ประวัติศาสตร์ การเทียบเคียงศักยภาพของทั้งสองฝ่ายที่นำไปสู่การประชุมปารีส ๒คือ ผลประโยชน์ของสหรัฐ สหภาพโซเวียต และจีนในกระบวนการเจรจาข้อตกลงปารีส ๓คือ ผลสำเร็จและความสำคัญของข้อตกลงปารีสต่อชัยชนะของเวียดนามและกองกำลังฝักใฝ่สันติภาพในทั่วโลก หวังว่า จากบทปราศรัยและความคิดเห็นในการสัมมนาครั้งนี้จะสามารถถอดประสบการณ์และบทเรียนที่เป็นประโยชน์ในการแก้ไขการพิพาท ข้อขัดแย้ง สงครามจำกัดรูปแบบโดยอาศัยกิจกรรมการทูตและการเจรจาในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคและโลกนับวันยิ่งซับซ้อนในปัจจุบัน” การสัมมนาดำเนินไปเป็นเวลา๑วันโดยมีการอภิปราย๓ครั้งซึ่งบทปราศรัยนับสิบบทที่เสนอในการสัมมนาของศาสตราจารย์ วิทยากร และนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศต่างยืนยันว่า ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓ ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ทางปัญญาบนโต๊ะเจรจาที่ยืดเยื้อมาเกือบ๕ปีเท่านั้นหากยังเป็นผลสำเร็จที่มาจากการต่อสู้อย่างยาวนานที่เต็มไปด้วยความยากลำบากและทรหดอดทนของประชาชนเวียดนามในสมรภูมิต่างๆจากเหนือจรดใต้ในตลอดกว่า๒๐ปีซึ่งจุดสุดยอดคือชัยชนะเดียนเบียนฟูกลางเวหาเมื่อปลายเดือนธันวาคมปี๑๙๗๒ ณ กรุงฮานอย ซึ่งสามารถทำลายแผนการใช้เครื่องบินบี๕๒เพื่อถล่มกรุงฮานอยและจังหวัดต่างๆทางภาคเหนือและทำให้สหรัฐต้องยอมรับเงื่อนไขที่เวียดนามเสนอ ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงปารีสปี๑๙๗๓จึงเป็นสัญญลักษณ์ของเจตนารมณ์“ไม่มีอะไรที่มีค่ากว่าเอกราชและเสรีภาพ”ของประชาชาติเวียดนามและเป็นชัยชนะของประเทศพี่น้อง เพื่อนมิตร และของขบวนการปลดปล่อยประชาชาติของประชาชนที่ฝักใฝ่สันติภาพ และความยุติธรรมในโลก การวิเคราะห์และหวนมองดูเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของยุคเพื่อถอดประสบการณ์อันล้ำค่าในสภาวการณ์ปัจจุบัน./.