นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุกได้ชื่นชมความพยายามของสถานประกอบการในสภาวการณ์ที่เต็มไปด้วยอุปสรรคเพราะการระบาดของโควิด-19

นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุกย้ำว่าเวียดนามได้ฟันฝ่าความยากลำบากต่างๆเพื่อดำเนินการทั้งสองเป้าหมายใหญ่พร้อมกันจนประสบความสำเร็จ ทำให้อัตราการเติบโตอยู่ในระดับสูง ผสมผสานอย่างลึกซึ้งกับประชาคมระหว่างประเทศ การลงนามในข้อตกลง RCEP และข้อตกลงการค้าเสรีอื่นๆได้เปิดโอกาสมากมายด้านความร่วมมือให้แก่สถานประกอบการ ซึ่งนายกฯยืนยันว่าพรรคและรัฐได้สร้างเงื่อนไขที่สะดวกให้ประชาชนและนักธุรกิจพัฒนาและปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนและนักธุรกิจ ส่วนนักธุรกิจต้องประกอบการตามกฎหมายเพื่อมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ

ด้านศักยภาพความร่วมมือกับประเทศในอาเซียนที่ยังมีอยู่มากนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอาเซียนเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญในทุกด้านของเวียดนาม โดยเศรษฐกิจเป็นแขนงความร่วมมือที่มีความสำคัญอันดับแรก ดังนั้นผู้ประกอบการต้องทำการวิจัยตลาดอย่างรอบคอบ วางแผนประกอบการที่มีประสิทธิภาพและมั่งคง พร้อมทั้งแสดงความคาดหวังว่า บรรดาผู้ประกอบการรวมทั้งสมาคมเพื่อการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจเวียดนาม - อาเซียนจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาแห่งสีเขียว การประกอบธุรกิจอย่างสุจริต ปกป้องสิ่งแวดล้อม ต่อต้านกับการทุจริตคอรัปชั่นอย่างเข้มแข็ง.