ในการกล่าวสุนทรพจน์ในการสนทนา นายกรัฐมนตรี ฝามมิงชิ้งห์ ได้ย้ำว่า เพื่อปลดล็อกศักยภาพการเติบโตของเวียดนามเพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ภายในปี 2030 และ 2045 เวียดนามกำลังมุ่งฟื้นฟูพลังขับเคลื่อนการเติบโตดั้งเดิม เช่น การลงทุน การส่งออก การบริโภค และส่งเสริมปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจแบ่งปัน เศรษฐกิจองค์ความรู้ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยถือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ ปีนี้ เวียดนามยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเติบโตควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค การควบคุมเงินเฟ้อ การรักษาดุลเศรษฐกิจหลัก และมุ่งมั่นที่จะบรรลุอัตราการเติบโตอย่างน้อยร้อยละ 8 ในปีนี้และบรรลุตัวเลขสองหลักในปีต่อๆ ไป พร้อมก้าวเข้าสู่ ยุคใหม่ ยุคแห่งการผงาดของชาติที่มีความแข็งแกร่ง มั่งคั่ง อารยธรรม  เจริญรุ่งเรือง และประชาชนมีความอิ่มหนำผาสุก.

ในการหารือ บรรดาผู้ประกอบการได้แสดงความประทับใจต่อความมุ่งมั่นและความตั้งใจของรัฐบาลเวียดนามในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการลงทุนที่น่าดึงดูดใจ และการสนับสนุนต่อนักธุรกิจ พร้อมทั้งมีความคาดหวังต่อยุคใหม่ของเวียดนามที่มีการพัฒนาข้ามขั้นทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณการผลิตของเศรษฐกิจ พร้อมทั้งระบุว่าจะเดินเคียงข้างเวียดนามในช่วงต่อไปและกำหนดการขยายการลงทุน ประกอบธุรกิจในเวียดนามเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาระยะยาวของตน.

วันเดียวกัน ในการพบปะกับเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) Jasem Mohamed Albudaiwi นายกรัฐมนตรีฝามมิงชิ้งห์ได้ยืนยันว่าเวียดนามให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันกับ GCC และประเทศสมาชิก GCC  ขอให้คณะเลขาธิการ GCC สนับสนุนและให้ความช่วยเหลือเวียดนามต่อไปในการขยายความร่วมมือกับประเทศสมาชิก GCC ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและกองทุนการลงทุนในภูมิภาคกระชับความร่วมมือกับเวียดนาม ส่งเสริมการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี GCC - เวียดนาม  ข้อตกลงส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน GCC - เวียดนาม รวมทั้งแบ่งปันประสบการณ์และสนับสนุนเวียดนามในการสร้างศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศ

ส่วนเลขาธิการ GCC ยืนยันว่าเวียดนามอยู่ในรายชื่อที่องค์กรให้ความสำคัญในการลงนามข้อตกลงการค้าเสรี โดยเชื่อว่าความร่วมมือทางการค้าระหว่างสองฝ่ายจะมีผลลัพธ์ที่โดดเด่นในเวลาข้างหน้า.