(VOVWORLD) - การแสดงรำวงของประเทศลาวไม่เพียงแค่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและจิตใจแห่งความสามัคคีปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความรื่นเริงและการตอบแทนบุญคุณต่อแผ่นดินที่อาศัย นี่คือวัฒนธรรมการฟ้อนรำที่เรียบง่าย มีเสน่ห์ และเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในวัฒนธรรมของลาว เมื่อช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ให้การรับรองการแสดงรำวงเป็นมรดกทางวัฒนธรรมนามธรรมของมนุษยชาติ
การแสดงรำวง |
การแสดงรำวงมีต้นกำเนิดจากเขตชนบทของลาวเพื่อเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งได้แพร่หลายจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมลาว รำวงมีหลายแบบ เช่น รำคอนสวรรค์ รำมหาชัย รำตังหวาย รำขับเชียงขวาง รำขับซำเหนือ เป็นต้น
รำวง หมายถึง “การร้องเพลงเต้นรำและเดินเป็นวงกลม ” โดยท่าหลักของผู้รำที่เป็นผู้หญิงคือ ท่าตั้งวงและจีบหงาย ส่วนการก้าวเท้าจะก้าวไปข้างหน้าสามก้าวแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว เดินเป็นวงกลมพร้อมกันทุกคน ส่วนผู้รำที่เป็นผู้ชายจะก้าวเท้าช้ากว่า นางสาว จิตรลดา จำปาพันธ์ จากนครหลวงเวียงจันทน์ เผยว่า
“ฉันได้เรียนรู้การรำวงตั้งแต่เด็กผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น งานบุญปีใหม่ หรือ งานเทศกาลอื่นๆ ในช่วงแรกๆ ฉันยังรำไม่ค่อยเก่ง ซึ่งทุกคนก็แนะนำวิธีรำให้ตรงจังหวะและวางมือให้ถูกต้อง สำหรับฉันเอง นี่เป็นการแสดงฟ้อนรำที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้คน ฉันรู้สึกภูมิใจกับการแสดงฟ้อนรำนี้ของประเทศชาติเป็นอย่างมาก”
บรรดาผู้แทนที่เข้าร่วมการพบปะในโอกาสรำลึกครบรอบ 50ปีการก่อตั้งสมาคมมิตรภาพเวียดนาม-ลาว |
เมื่อปลายปี 2024 ที่ผ่านมา องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ระบุให้การแสดงรำวงของลาวเป็นมรดกทางวัฒนธรรมนามธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งในนามของรัฐบาลและประชาชนลาว นายกรัฐมนตรีลาว สอนไซ สีพันดอน ได้แสดงความรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ยูเนสโกให้การรับรองรำวงลาวเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
“รำวง เป็นศิลปะที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งกำเนิดจากชีวิต การทำงาน ความเชื่อ และพิธีกรรมต่างๆ ของชาวลาว ประกอบด้วย 8 ทำนองหลักที่สะท้อนชีวิตประจำวัน ความสัมพันธไมตรี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสนุกสนาน และความเคารพต่อชาติบ้านเมืองที่ประชาชนลาวกำลังอาศัยอยู่ โดยการได้รับการรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมนามธรรมของมนุษยชาติในครั้งนี้ เป็นผลงานของการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีที่ดีงามของประชาชนลาว ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนลาวเท่านั้น แต่ยังเป็นการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเลื่อมใสของชาวลาวที่ได้สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น”
นายกรัฐมนตรีลาว สอนไซ สีพันดอน (qdnd.vn) |
ในประเทศแห่งดอกจำปา ใครๆ ก็รำวงเป็น เมื่อได้ยินเสียงเพลง ตัวสามารถรำได้ตามจังหวะ รำวงกลายเป็นความต้องการในชีวิตจิตใจทางวัฒนธรรมของชาวลาวที่ช่วยยกย่องความงามของหญิงสาวชาวลาว ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นรูปแบบความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความสามัคคีและความเป็นกันเอง ที่มีส่วนร่วมต่อการสร้างความเชื่อมโยงทั้งสำหรับชุมชนภายในประเทศและในกิจกรรมแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ ในงานแลกเปลี่ยนมิตรภาพกับเวียดนาม นาย บุ่ยต๊วนหงอก หนึ่งในศิลปินที่มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนระหว่างเวียดนามกับลาวมาหลายงาน เผยว่า
“จากการที่เคยไปทำงานที่ประเทศลาวหลายครั้ง ผมได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และพบปะกับเพื่อนๆ ชาวลาว โดยเฉพาะเมื่อได้เข้าร่วมรำวง ผมรู้สึกได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์และมีสีสันของการแสดงฟ้อนรำแบบนี้ ฉะนั้น สะท้อนให้จิตใจแห่งความสามัคคี ความเป็นกันเอง และความหมายอันลึกซึ้งผ่านการรำวง ผมได้รู้ว่า มีทำนองที่ใช้ในการรำหลายทำนองตามพื้นที่ เช่น ฟ้อนสาละวัน เป็นการรำวงที่เน้นการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่นอย่างมากของมือและเท้า สำหรับผม ถ้าเดินทางไปประเทศลาวแล้วยังไม่ได้รำวงและผูกข้อมือก็ถือว่ายังมาไม่ถึง”
ทั้งนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวลาวอาจดูเรียบง่าย แต่ลึกๆ ในวัฒนธรรมและจิตใจของพวกเขา คือ ความร่าเริง และความกระตือรือร้น โดยเฉพาะพวกเขาชอบร้องเพลงและฟ้อนรำ การที่รำวงได้รับการรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติจากยูเนสโก ไม่เพียงแค่เป็นความภาคภูมิใจอันสูงส่งสำหรับชาวลาวเท่านั้น แต่ยังสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของประชาชนลาวที่ได้ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น.