ยุทธนาการทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว : หัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญในภารกิจการต่อสู้กู้ชาติของ 3 ชาติอินโดจีน
(VOVWORLD) - เมื่อกว่า 50 ปีก่อน กองทัพและประชาชนเวียดนามร่วมกับประชาชนและกองกำลังปฏิวัติลาวได้คว้าชัยชนะในสมรภูมิทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ภายหลังการต่อสู้เป็นเวลากว่า 50 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 1971 ซึ่งเปิดหน้าใหม่ในภารกิจการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประชาชาติของ 3 ประเทศอินโดจีน
ในช่วงนั้น ภายหลังยุทธนาการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิปี 1968 ของกองทัพและประชาชนเวียดนาม ทางการสหรัฐได้วางกลยุทธ์ “การสร้างสงครามภายในประเทศเวียดนาม” โดยใช้กองทัพไซง่อนเป็นแกนนำ ซึ่งมีการประสานร่วมกับกองกำลังติดอาวุธของสหรัฐกลุ่มหนึ่งและยังคงอยู่ภายใต้อำนาจของสหรัฐผ่านระบบที่ปรึกษาทางทหาร เพื่อจัดสรรวงเงินสนับสนุนและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ซึ่งเมื่อปลายปี 1970 รัฐบาลสหรัฐและทางการไซง่อนได้ตัดสินใจรวมกองกำลังเพื่อเปิดปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ในพื้นที่ 3 แห่ง ได้แก่ บริเวณทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา และพื้นที่รอยต่อระหว่างชายแดนของทั้งสามประเทศ เพื่อมุ่งทำลายฐานทัพด้านโลจิสติกส์และขัดขวางระเบียงคมนาคมขนส่งยุทธศาสตร์จากฝั่งเวียดนามเหนือที่มีการปกครองด้วยระบอบสังคมนิยมไปยังแนวรบเวียดนามทางใต้ พร้อมโต้กลับการต่อสู้ของประชาชนเวียดนาม รวมถึงการปฏิวัติลาวและกัมพูชา ซึ่ง “ปฏิบัติการลามเซิน 719” ที่มีการโจมตีในบริเวณทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ถือเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุด โดยกองทัพเวียดนามและลาวได้ร่วมกันต่อสู้ วีรชนกองกำลังติดอาวุธประชาชน เหงวียนฮวีเหี่ยว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม เผยว่า
“ในสมรภูมิทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ทหารประเทศลาวและกองกำลังปลดปล่อยภาคใต้เวียดนามได้มีการร่วมมือกันต่อสู้ครั้งสำคัญ โดยการที่ประเทศลาวเป็นฐานทัพอันแข็งแกร่งที่หนุนหลังให้แก่กองกำลังหลักของเส้นทางเจื่องเซิน รวมถึงกองกำลังท้องถิ่น กองกำลังอาสาและกองโจร มีความหมายเป็นอย่างมาก”
วีรชนกองกำลังติดอาวุธประชาชน เหงวียนฮวีเหี่ยว อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม |
การรบดังกล่าวได้เกิดขึ้นตามเส้นทางแนวตะวันออก-ตะวันตก จากประตูสู่ทะเล เกื๋อเหวียด ในอำเภอดงห่า จังหวัดกว๋างจิ ของเวียดนาม ไปยังเมืองพิน แขวงสะหวันนะเขต ของลาว ระยะทาง 140 กม. และตามแนวเหนือ-ใต้ จากเมืองเชืองไปยังเมืองน้อง ระยะทางราว 60 กม. โดยภายหลังการพบหารือ กองทัพเวียดนามและลาวได้เห็นพ้องเกี่ยวกับแนวทางการชี้นำให้กองทัพและประชาชนเวียดนามมีการประสานอย่างใกล้ชิดกับประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์และกองกำลังปฏิวัติลาวเปิดกระบวนการร่วมกันโต้กลับทางทหารครั้งใหญ่ เพื่อต่อสู้กับผู้รุกรานสหรัฐ ซึ่งปฏิบัติการลามเซิน 719 นั้นได้เสร็จสิ้นลงด้วยชัยชนะเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1971 ถือเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่มีความหมายสำคัญและส่งผลต่อสถานการณ์สมรภูมิของสามชาติอินโดจีน รวมถึงกลยุทธ์ “การสร้างสงครามภายในประเทศเวียดนาม” เป็นอย่างมาก พร้อมเปิดระยะใหม่แห่งกระบวนการผนึกกำลังทางทหารครั้งใหญ่ต่างๆ ของกองทัพเวียดนาม ในสนามรบภาคใต้ เพื่อมีส่วนร่วมต่อมหาชัยชนะฤดูใบไม้ผลิปี 1975 รวมประเทศเป็นเอกภาพ ในขณะที่การปฏิวัติลาวก็ยึดคืนอำนาจมาสู่ประชาชนได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้รับความสูญเสียมากนัก
ที่แห่งนี้ได้มีการสร้างอนุสรณ์สถานทหารเวียดนามและลาวเพื่อให้คนรุ่นหลังได้สำนึกในบุญคุณวีรชนทหารพลีชีพเพื่อชาติ นายเหงวียนมิงห์กี่ อดีตประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างจิ และเป็นหนึ่งในพยานทางประวัติศาสตร์ ได้เล่าถึงเรื่องราวในช่วงสงครามด้วยความซาบซึ้งใจ ว่า
“บางครั้งก็นอนอยู่ในหลุมหลบภัยด้วยกันและเสียชีวิตจากกับระเบิดพร้อมกัน จนถึงปัจจุบัน ยังมีหลุมฝังศพที่พวกเราไม่สามารถแยกออกว่าเป็นคนเวียดนามหรือคนลาวอยู่อีกมาก ดังนั้น จึงถือเป็นการเสียสละเลือดเนื้อร่วมกัน”
นายเหงวียนมิงห์กี่ อดีตประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัดกว๋างจิ |
กระบวนการทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ถือเป็นก้าวพัฒนาที่ข้ามขั้นของกองทัพเวียดนามในกระบวนการผนึกกำลังทางทหารครั้งใหญ่ พร้อมแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีพิเศษระหว่างกองทัพและประชาชนทั้งสองประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเนื่องในโอกาสการเยือนเวียดนามเมื่อปี 2021 นายทองลุน สีสุลิด เลขาธิการใหญ่พรรคและประธานประเทศลาว ได้แสดงความเสียใจต่อความสูญเสียของครอบครัวทหารอาสาเวียดนามที่สละชีพในประเทศลาว
“การฝ่าฟันความยากลำบากด้วยใจยึดมั่นและการสละชีพของบรรดาเจ้าหน้าที่และทหารของทั้งสองประเทศในช่วงนั้น ได้กลายเป็นมรดกอันล้ำค่าไว้ให้แก่พวกเรา นั่นคือประเทศลาวและเวียดนามที่มีเอกราช อธิปไตย เอกภาพและบูรณภาพแห่งดินแดน ประชาชนมีชีวิตที่สงบสุขในแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอนของปิตุภูมิ ทั้งประเทศลาวและภาคใต้เวียดนามได้รับการปลดปล่อย เหนือ-ใต้รวมประเทศเป็นเอกภาพ”
ทั้งนี้ ยุทธนาการทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ ทิศทางอันแน่วแน่ที่ถูกต้องของคณะกรรมการกลางพรรค สร้างก้าวพัฒนาที่โดดเด่นของกองทัพเวียดนามในการร่วมกันต่อสู้ จนถึงทุกวันนี้ ชัยชนะทางหลวงหมายเลข 9 – ภาคใต้ประเทศลาว ยังคงเป็นสัญลักษณ์ที่เด่นชัดของความสามัคคีพิเศษระหว่างกองทัพและประชาชนเวียดนาม-ลาว และลาว-เวียดนาม.