ยุทธนาการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิปี1968: ความมุ่งมั่น สติปัญญาและความคาดหวังในเอกราชของประชาชาติเวียดนาม

(VOVWORLD) -ในระหว่างคืนวันที่ 29 ถึงเช้าตรู่ของวันที่ 30 มกราคมปี 1968 ยุทธนาการลุกขึ้นสู้ของกองทัพและประชาชนเวียดนามได้มีขึ้นทั่วภาคใต้เวียดนาม ซึ่งเป็นการโจมตีอย่างสายฟ้าแลปใส่ฐานที่มั่นของฝ่ายศัตรู สะท้อนยุทธศาสตร์การโจมตี ความมุ่งมั่น สติปัญญาและความคาดหวังเกี่ยวกับสันติภาพ เอกราชและการรวมประเทศเป็นเอกภาพของประชาชาติเวียดนาม
ยุทธนาการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิปี1968: ความมุ่งมั่น สติปัญญาและความคาดหวังในเอกราชของประชาชาติเวียดนาม - ảnh 1กรมการเมืองพรรค คณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเวียดนามประชุมเพื่อหาือเกี่ยวกับการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิปี 1968 เมื่อเดือนธันวาคมปี 1967 (dangcongsan.vn)

ยุทธนาการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิตปี 1968 ได้ช่วยปรับเปลี่ยนสถานการณ์ของสงครามที่สหรัฐก่อขึ้นในเวียดนาม เพิ่มแรงกดดันให้สหรัฐต้องมานั่งเจรจากับคณะผู้แทนเวียดนามในการประชุมปารีสเมื่อปี 1973 และยุติการโจมตีภาคเหนือเวียดนาม สร้างพื้นฐานให้แก่การต่อสู้เพื่อรวมประเทศเป็นเอกภาพของกองทัพและประชาชนเวียดนาม

สร้างจุดเปลี่ยนในสถานการณ์สงครามเวียดนาม

ยุทธนาการฤดูใบไม้ผลิปี1968ได้มีขึ้นในขณะที่ในสนามรบ กองกำลังของสหรัฐและทางการไซ่ง่อนมีความแข่งแกร่งกว่ากองทัพเวียดนาม แต่ด้วยความกล้าหาญ และการมุ่งเป้าไปที่ตัวเมืองทุกแห่งในภาคใต้เวียดนามได้ช่วยให้ทหารและประชาชนเวียดนามทำลายความตั้งใจรุกรานเวียดนามของสหรัฐ กดดันให้สหรัฐต้องเดินหน้าการประนีประนอมในสงคราม พลโท เหงียนวันบ๋าว ผู้อำนวยการสถาบันรัฐศาสตร์การเมือง กระทรวงกลาโหม ให้ข้อสังเกตว่า

“พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามได้เลือกช่วงเวลาคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของตรุษเต๊ต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายศัตรูประมาทมากที่สุดเพื่อทำการโจมตี ทำให้ฝ่ายศัตรูตั้งตัวไม่ทัน และคาดไม่ถึง ทั้งในเรื่องช่วงเวลาและเป้าหมายของการโจมตีที่มุ่งไปยังตัวเมืองและฐานทัพที่สำคัญๆ รวมไปถึงขนาดยุทธการที่เกิดขึ้นในทั่วสมรภูมิภาคใต้”

ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิตปี 1968 คือได้สร้างจุดเปลี่ยนให้แก่สงครามในเวียดนาม และมีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก สร้างหัวเลี้ยวหัวต่อให้แก่การต่อสู้ และยืนยันความพ่ายแพ้ของ “กลยุทธการโจมตีตามพื้นที่” ของสหรัฐและความแข็งแกร่งของทหารบ้านในภาคใต้เวียดนามและยุทธนาการนี้ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งจิตใจที่ยึดมั่นในเอกราช การพึ่งตนเอง ความคิดสร้างสรรค์และความเฉลียวฉลาดในศิลปะการทหารของพรรคคอมมิวนิสตร์เวียดนาม โดยเฉพาะการใช้โอกาสเพื่อเป็นฝ่ายรุกโจมตีศัตรูสร้างจุดเปลี่ยนสถานการณ์ในสมรภูมิ รวมทั้งการแบ่งและการใช้กองกำลังทหาร ที่มีน้อยกว่าศัตรูสะท้อนให้เห็นถึงการใช้สติปัญญาของคนเวียดนามในการต่อสู้ที่สามารถเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งพร้อมมีอาวุธที่ทันสมัยกว่าได้

ยุทธนาการลุกขึ้นสู้ฤดูใบไม้ผลิปี1968: ความมุ่งมั่น สติปัญญาและความคาดหวังในเอกราชของประชาชาติเวียดนาม - ảnh 2ผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องให้ยุติสงครามในเวียดนาม ณ ประตูของการประชุมพรรคเดโมแครตสหรัฐใน ชิคาโกเมื่อปี 1968 ( ภาพจาก Arthur Rothstein)

การยอมรับจากฝ่ายตรงข้าม

ในบันทึก “ The vantage point” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1972 ประธานาธิบดีสหรัฐลินดอน เบนส์ จอห์นสัน ได้ยอมรับว่า “เราทราบว่าจะมีปฏิบัติการจากกองกำลังฝ่ายตรงข้าม แต่มันมีความดุดันมากกว่าที่เราคาดไว้ เราไม่คิดว่า ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีพร้อมกันใส่ฐานที่มั่นของเราในทั่วภาคใต้เวียดนาม และ เราก็ไม่คิดเลยว่าพวกเขาโจมตีในช่วงตรุษเต๊ต” ส่วนในหนังสือเรื่อง “สงคราม 1 หมื่นวัน” นาย Michael Maclear ได้เขียนว่า “สงครามเวียดนามมีสิ่งที่ทำให้แปลกใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการโจมตีในช่วงตรุษเต๊ต”

ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้ครั้งนี้ได้ทำให้เกิดขบวนการต่อต้านสงครามเวียดนามในสหรัฐ คุณ Nathaniel James นักเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพเล่าว่า

“ขบวนการต่อต้านสงครามได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยเกิดขึ้นอย่างจริงจังนับตั้งแต่ที่เกิดการลุกขึ้นสู้ในช่วงตรุษเต๊ตปีวอก 1968 ที่ทำให้เห็นว่า สงครามในเวียดนามไม่ใช่สงครามของชาวอเมริกันสหรัฐอาจจะพ่ายแพ้และไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้”

ส่วนพันเอก Charles Krohn อดีตนายทหารหน่วยข่าวกรองสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสงครามในกรุงเก่าเว้ในยุทธนาการฤดูใบไม้ผลิปี 1968 ได้ประเมินว่า

“ยุทธนาการตรุษเต๊ตปีวอก 1968 มีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ เพราะได้ลดการสนับสนุนของชาวอเมริกันต่อสงครามในเวียดนาม ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ ส่วนผมเอง ก็เห็นว่า ยุทธนาการนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในสงครามเวียดนาม”

ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีก 5 ปี กว่าที่สหรัฐจะถอนทหารทั้งหมดออกจากภาคใต้เวียดนามและใช้เวลาถึง 7 ปี กว่าที่จะสามารถโค่นล้มทางการไซ่ง่อนที่อยู่ภายใต้อำนาจของสหรัฐ แต่ในด้านกลยุทธ์ก็ถือว่าสหรัฐได้พ่ายแพ้นับตั้งแต่ยุทธการดังกล่าวแล้ว เมื่อย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 55 ปีก่อนก็จะเห็นว่า การตัดสินใจทำการลุกขึ้นสู้ในตรุษเต๊ตปี 1968 ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น สติปัญญาและความตั้งใจของทหารและประชาชนเวียดนามบนเส้นทางช่วงชิงเอกราชของประชาชาติ รวมประเทศเป็นเอกภาพ.

BOX thông tin đăng web: รองศ.ดร. พันเอก เหงียนวันเซ้า รองหัวหน้าสถาบันประวัติศาสตร์ทางทหารสังกัดกระทรวงกลาโหมแสดงความคิดเห็นว่า ในการลุกขึ้นสู้ตรุษเต๊ตปีวอก 1968 ทหารและประชาชนเวียดนามได้ทำการโจมตีพร้อมกันใน 4 เมืองใหญ่ 37 อำเภอเมือง รวมไปถึงตำบล เขตแขวงนับร้อยแห่ง กองบัญชาการกองทัพ กองพล กองพลน้อยและฐานทัพนับร้อยแห่งของฝ่ายศัตรู  สามารถปลดปล่อยตำบลต่างๆ กว่า 100 แห่ง รวมประชากรกว่า 1.6 ล้านคน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด