วัดของหมู่บ้านหว่างมายและศิลาจารึก

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระบุว่า หมู่บ้านหว่างมายได้รับการบุกเบิกและมีคนมาอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ประมาณ ๔ พันปี ซึ่งยังมีพยานวัตถุที่ยืนยันถึงความเป็นมาของหมู่บ้าน  โดยช่วงคริสต์ทศวรรษที่ ๖๐ นักโบราณคดีของเวียดนามได้ขุดพบวัตถุโบราณต่างๆไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือยุคหิน ซึ่งผืนดินแห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านและทุ่งนาอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา  ต่อมาในยุคราชธานีทังลอง ผืนดินหว่างมายได้กลายเป็นป้อมปราการทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเก่าโดยธรรมชาติ  หมู่บ้านหว่างมายมีชื่อเดิมว่า โก๋มายแต่ชาวบ้านมักเรียกจนติดปากว่าแก๋เมอ ซึ่งที่มาของชื่อแก๋เมอนั้นเพราะว่าที่นี่ชาวบ้านปลูกต้นเหมยหรือแอปปริคอตเพื่อเลี้ยงชีพ  เมื่อเหมันต์เวียนมาดอกเหมยบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนดอกเหมยที่สวยงาม  ซึ่งสมัยนั้นมีการปลูกต้นเหมยนานาพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นต้นเหมยสีเหลือง ขาวหรือสีชมพู  ต่อมาได้ตั้งชื่อหมู่บ้านตามสีของดอกเหมยดังกล่าวเช่น หมู่บ้านหว่างมาย ( Hoang Mai ) หรือหมู่บ้านดอกเหมยสีเหลือง หมู่บ้านแบกมาย ( Bach Mai ) หรือหมู่บ้านดอกเหมยสีขาวเป็นต้น ซึ่งปัจจุบันหมู่บ้านดังกล่าวได้กลายเป็นตัวเมืองแต่ยังคงชื่อเดิมไว้  หมู่บ้านหว่างมายมีโบราณสถานที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์ ซึ่งโดดเด่นคือวัดงามี ( Nga My ) ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างทางพุทธศาสนาที่ผูกพันกับความเป็นมาและการพัฒนาของราชธานีทังลองหรือกรุงฮานอย  ซึ่งศิลาจารึกปีรัชกาลห่งดึกที่ ๒๘ หรือปี ๑๔๙๗ ระบุว่า วัดงามีได้รับการก่อสร้างในพื้นที่หมู่บ้านหว่างมายหลังจากที่กษัตริย์หลีกงเอิ๋น ( Ly Cong Uan ) ทรงย้ายราชธานีจากฮวาลือมาตั้งที่ทังลอง  ดังนั้นวัดงามีจึงมีอายุประมาณ ๑ พันปีและนับเป็นวัดที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงฮานอย

ศาลาประจำหมู่บ้าน

ช่วงที่ผ่านมา วัดงามีได้รับการบูรณปฏิสังขรให้ดูสวยงามขึ้น โดยประตูเข้าวัดทั้งสามทางได้รับการปฏิสังขรให้อยู่ในสภาพเดิม  และเมื่อเร็วนี้ พุทธศาสนิกชนในพื้นที่และจากที่อื่นได้บริจาคเงินนับพันล้านด่งเพื่อหล่อระฆังที่มีน้ำหนักกว่า ๑ พันตันซึ่งพิธีอันเชิญระฆังนี้มาประดิษฐานที่วัดและตีระฆังครั้งแรกจะจัดขึ้นในวันที่ ๔ ตุลาคมนี้   ภายในหมู่บ้านโบราณหว่างมายยังมีโบราณสถานมากมายไม่ว่าจะเป็นศาลาประจำหมู่บ้านที่เป็นสถานที่บูชานายพลเจิ่นคาดเจิน ( Tran Khat Chan )และน้องชายเจิ่นหาง ( Tran Hang ) ของท่านซึ่งได้มีส่วนร่วมในการปราบศัตรูผู้รุกรานและบุกเบิกที่ดินสร้างหมู่บ้าน เนื่องจากส่วนอุทิศที่ยิ่งใหญ่ของท่านทั้งสอง ชาวบ้านจึงบูชาให้เป็นเจ้าพ่อหลักเมือง และรูปปั้นนายพลเจิ่นคาดเจิน ( Tran Khat Chan ) กับหนังสือโก๋มายบี๊กี๊ ( Co Mai Bi Ky ) หรือหนังสือบันทึกประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านหว่างมาย ตลอดจนบ่อน้ำบาดาลเก่าแก่ที่มีน้ำใสล้วนเป็นร่องรอยของหมู่บ้านโบราณหว่างมาย ( Hoang Mai ) ที่เงียบสงบในอดีต  นายเหงวียนจ๋องเงียะ ( Nguyen Trong Nghia ) ชาวหมู่บ้านหว่างมายโดยกำเนิดเผยว่า  “ เมื่อก่อนในหมู่บ้านหว่างมายมีบ่อน้ำโบราณ ๑๐ แห่ง แต่เดี๋ยวนี้เหลือ ๓ แห่งเท่านั้น  เมื่อก่อนนี้ ชาวบ้านบริโภคน้ำในบ่อ ซึ่งเป็นน้ำใส เย็นและสะอาด  บ่อน้ำโบราณเหล่านี้ถือว่าเป็นบ่อน้ำสวยงามที่หาที่อื่นไม่ได้ ”

บ่อน้ำบาดาลของหมู่บ้านหว่างมาย

หมู่บ้านหว่างมายยังขึ้นชื่อด้วยอาหารพื้นเมืองหลายอย่างตั้งแต่สมัยราชธานีทังลอง ( Thang Long ) ซึ่งได้รับความนิยมมาจนปัจจุบันอาทิ เหล้าหมู่บ้านเมอ ซึ่งมีกลอนประโยคหนึ่งเกี่ยวกับเหล้าเมอที่เล่าสู่กันฟังจนถึงปัจจุบันนี้คือ เหล้าหมู่บ้านเมอ กลอนหมู่บ้านหลู ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบอาชีพพื้นเมืองที่ลือชื่อกับกลอนที่ไพเราะ นายเหงวียนซุยกุ๊ย ( Nguyen Duy Quy ) หัวหน้าฝ่ายดูแลศาลาประจำหมู่บ้านหว่างมายเผยว่า  “ เมื่อก่อนนี้ ที่หมู่บ้านหว่างมายมีอาชีพพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อหลายอาชีพได้แก่ การทำเต้าหู้  ข้าวเหนียวกับข้าวโพดนึ่ง ผักกาดเขียวและมะเขือ  ซึ่งอาหารพื้นเมืองเหล่านี้ยังคงได้รับความนิยามจนถึงทุกวันนี้ ”

ในแนวโน้มการพัฒนาเป็นตัวเมืองปัจจุบัน หมู่บ้านหว่างมายได้พัฒนาเป็นตัวเมืองที่ทันสมัย ตามตรอกซอกซอยพลุกพล่านไปด้วยผู้คน แต่ยังมีกลิ่นอายและร่องรอยของหมู่บ้านโบราณและภูมิทัศน์วัฒนธรรมของความเป็นหมู่บ้านตำบล ซึ่งสะท้อนจากร้านอาหารริมทางและตลาดหว่างมายที่มีลักษณะของตลาดชนบทที่มีผักสด ปลาและกุ้งสดตามธรรมชาติ  ซึ่งเป็นการเติมแต่งสีสรรให้แก่กรุงฮานอยในสมัยปัจจุบัน ./.

ประตูวัด

บรรยากาศภายในวัด