ค่อยๆแก้ไขอุปสรรคและปฏิบัติแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
(VOVworld) /  
(VOVworld) - หน้าที่สำคัญที่รัฐบาลเวียดนามวางไว้ในปี 2012 นี้คือเน้นแก้ไขอุปสรรค ส่งเสริมการผลิตและประกอบธุรกิจพร้อมกับการปฏิบัติแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายคือควบคุมภาวะเงินเฟ้อและปรับความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจ...
(VOVworld) - หน้าที่สำคัญที่รัฐบาลเวียดนามวางไว้ในปี 2012 นี้คือเน้นแก้ไขอุปสรรค ส่งเสริมการผลิตและประกอบธุรกิจพร้อมกับการปฏิบัติแนวทางที่เสมอต้นเสมอปลายคือควบคุมภาวะเงินเฟ้อและปรับความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นเนื้อหาสำคัญในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 3 สมัยที่ 13 และการประชุมกึ่งวาระของกลุ่มนักอุปถัมภ์ให้แก่เวียดนามที่กำลังมีขึ้น ณ จ.กวางตรีในวันที่ 4และ5 เดือนนี้
|
ในช่วงต้นปี 2012 ภาวะเงินเฟ้อของเวียดนามเริ่มชลอตัว (Internet)
|
ถึงแม้ว่าในช่วงต้นปี 2012 จะสามารถเห็นสัญญาณที่น่ายินดีของเศรษฐกิจเวียดนาม เช่น ภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มชลอตัว อัตราดอกเบี้ยลดลง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีเสถียรภาพ การส่งออกเพิ่มขึ้นและการเสียเปรียบดุลการค้าลดลง เป็นต้น แต่เศรษฐกิจเวียดนามยังคงต้องรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น การลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนอัตราจีดีพีในไตรมาสแรกของปี 2012 บรรลุร้อยละ 4 เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การปฏิบัตินโยบายการคลังที่เข้มงวดและนโยบายการเงินที่รัดกุมที่แม้จะช่วยควบคุมเงินเฟ้อและสร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจแต่ก็มีผลในทางลบที่ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ในระดับสูงจนสถานประกอบการไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ควบคู่กับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ปัญหาการชลอตัวของการบริโภคและปริมาณสินค้าที่ค้างสต๊อกจำนวนมากได้ทำให้สถานประกอบการต้องลดขนาดขององค์กร ระงับการประกอบธุรกิจชั่วคราวหรือถึงขั้นล้มละลาย ซึ่งส่งผลให้มีคนตกงานและสร้างแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางสังคมและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ในสภาวะการณ์ดังกล่าวรัฐบาลเวียดนามได้กำชับว่า ต้องให้การช่วยเหลือสถานประกอบการพัฒนาการผลิตและประกอบธุรกิจและปฏิบัตินโยบายที่เสมอต้นเสมอปลายคือควบคุมภาวะเงินเฟ้อ สร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจมหภาคเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมติที่ได้ประกาศในเดือนพฤษภาคมนี้ได้ช่วยลดอุปสรรคต่างๆให้แก่สถานประกอบการ
นาย Vuong Dinh Hue รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนามเผยว่า วงเงินช่วยเหลือครั้งนี้จะแตกต่างกับวงเงินครั้งก่อนๆเพราะว่าเป็นวงเงินช่วยเหลือเท่านั้น ไม่ใช่วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นการเสนอมาตรการช่วยเหลือจึงต้องขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง “ต้องเน้นแก้ไขและให้การช่วยเหลือสถานประกอบการ รวมไปถึงการใช้เงินทุน โดยรัฐบาลต้องเพิ่มการช่วยเหลือด้านเงินทุนและเบิกจ่ายเงินให้แก่โครงการลงทุนภาครัฐที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน ใช้เงินทุนจากพันธบัตรรัฐบาลและจากโครงการเป้าหมายแห่งชาติ นอกจากนี้ต้องช่วยสถานประกอบการลดต้นทุนในการผลิตโดยรัฐบาลได้วางมาตรการชลอการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือยกเว้นภาษีเงินได้ของสถานประกอบการและชลอการเก็บค่าเช่าที่ดิน เป็นต้น”
|
วงเงินช่วยเหลือของรัฐบาลมีความหมายอย่างยิ่งต่อประกอบการ (Internet) |
นาย Cao Sy Kiem ผู้แทนรัฐสภาจ.ท้ายบิ่งได้กล่าวว่า นี่เป็นวงเงินช่วยเหลือที่ดีที่สุดทั้งในด้านขอบแขตและการเข้าถึง ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ทันการณ์และแสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือสถานประกอบการฟันฝ่าอุปสรรค แต่อย่างไรก็ตาม ผู้แทนหลายคนยังแสดงความคิดเห็นว่า เพื่อให้มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลประสบความสำเร็จ จำเป็นที่จะต้องมีความพยายามของสถานประกอบการร่วมด้วย นาย Nguyen Duc Kien รองหัวหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งรัฐสภา ผู้แทนจ. Soc Trang เผยว่า นอกจากต้องรักษาความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจและควบคุมภาวะเงินเฟ้อแล้ว จำเป็นต้องรักษาอัตราการขยายตัวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีมาตรการช่วยเหลือการผลิตและประกอบธุรกิจ เช่น ชลอการเก็บภาษีและลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อให้สถานประกอบการมีความรับผิดชอบทางสังคมมากขึ้นและมีส่วนร่วมรักษาสวัสดิการสังคม “การยกเลิกภาษีจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของประเทศ ดังนั้นสถานประกอบการต้องปฏิบัตินโยบายทางสังคมและมีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อผู้ใช้แรงงาน ถ้าหากเราลดงบประมาณแผ่นดิน เราต้องเรียกร้องให้สถานประกอบการมีนโยบายที่ดีต่อผู้ใช้แรงงาน”
ในฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนามที่มีขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ก่อนการประชุมนักอุปถัมภ์ให้แก่เวียดนาม นาง วิกตอร์เรีย กวากวา ตัวแทนธนาคารโลกประจำเวียดนามได้ย้ำว่า ไม่ใช่สถานประกอบการทุกแห่งที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งการคัดเลือกต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความสามารถและขอบเขตการประกอบธุรกิจของสถานประกอบการแต่ละแห่ง การปฏิบัติมาตรการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นพลังขับเคลื่อนให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาวของเวียดนาม แต่อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจและความเห็นพ้องกันด้านความรู้และการปฏิบัติของทั้งระบบการเมืองและสถานประกอบการจะเป็นปัจจัยที่สำคัญเพื่อปฏิบัติมาตรการแก้ไขและอำนวยความสะดวกให้แก่การผลิตและประกอบธุรกิจ รวมทั้งการควบคุมภาวะเงินเฟ้อ สร้างเสถียรภาพให้แก่เศรษฐกิจและรักษาให้อัตราการขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6 ซึ่งถือเป็นภารกิจที่หนักหน่วงแต่ก็ต้องปฏิบัติให้ได้เพื่อการรักษาเสถียรภาพและพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน./.
-VOVworld