เกษตรกรจังหวัดหายเยืองผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล

(VOVWORLD) - ในหลายปีมานี้ ลิ้นจี่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของเกษตรกรในจังหวัดหายเยือง โดยได้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐาน VietGap และ Global Gap ในการปลูก จึงทำให้ผลผลิตและคุณภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือเงื่อนไขชี้ขาดที่ช่วยให้ลิ้นจี่ของจังหวัดหายเยืองสามารถจำหน่ายผ่านช่องทางอี – คอมเมิร์ซและขยายการส่งออกไปยังตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวดต่างๆ เช่น ญี่ปุ่นและยุโรป การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในด้านการเกษตรเป็นแนวทางที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้จังหวัดหายเยืองเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าการเกษตร

เกษตรกรจังหวัดหายเยืองผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล - ảnh 1จังหวัดหายเยืองมีพื้นที่ปลูกลิ้นจี่กว่า 9,000 เฮกตาร์
 
 

ในฐานะเป็นอำเภอเดินหน้าในการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล ในเวลาที่ผ่านมา อำเภอแทงห่า จังหวัดหายเยือง สามารถยกระดับผลการผลิตสินค้าเกษตรผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการผลิต ซึ่งในช่วงก่อน เกษตรกรไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีเนื่องจากแม่ค้าพ่อค้ามาซื้อผลผลิตถึงที่สวน แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้การจำหน่ายประสบอุปสรรค์ ทำให้ถูกแม่ค้าพ่อค้ากดราคา ดังนั้น เกษตรกรจึงได้เปลี่ยนแปลงแนวความคิดด้วยการพยายามเป็นฝ่ายรุกมากขึ้นในการผลิตและจำหน่ายผลผลิตเกษตร นอกจากนั้น ก็ยังมีธุรกิจครัวเรือน สหกรณ์และสถานประกอบการที่หันมาผลิตสินค้าเกษตรตามมาตรฐาน OCOP VietGap และ GlobalGap มากขึ้น ซึ่งช่วยยกระดับเครื่องหมายการค้าและลดต้นทุน โดยสินค้าเกษตรเกือบทั้งหมดถูกสั่งซื้อตั้งแต่ที่สวนโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางและสร้างห่วงโซ่การผลิตและจำหน่าย โดยเราสามารถเห็นเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจนจากการจำหน่ายลิ้นจี่แทงห่า หลังจากที่จำหน่ายผ่านช่องทางอี – คอมเมิร์ซต่างๆ เช่น Postmart.vn Sendo.vn Voso.vn และ Lazada.vn เกษตรกรในอำเภอฯ สามารถขายลิ้นจี่ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศและส่งออกไปยังตลาดที่มีเงื่อนไขอย่างเข้มงวด เช่น ยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย เป็นต้น

หลังจากที่เก็บลิ้นจี่ครั้งสุดท้ายปลายฤดู นาย เหงียนวันซุง หมู่บ้านถวีเลิม ตำบลแทงเซิน อำเภอแทงห่าได้ตัดแต่งกิ่งใบเพื่อเตรียมการปลูกรอบใหม่ ในการปลูกลิ้นจี่ในพื้นที่ 1.4 เฮกตาร์ ฤดูที่แล้ว ครอบครัวนายซูงมีกำไรถึง 200 ล้านด่ง ในระหว่างการดูแลสวน เขาก็ไม่ลืมจดบันทึกบนซอฟต์แวร์ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร

“หลังจากที่เก็บผลผลิต เราก็ต้องตัดแต่งกิ่งใบ โดยการดูแล ทั้งการใช้ยากำจัดศัตรูพืชและการใช้ปุ๋ยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของหัวหน้ากลุ่มคือการผลิตตามมาตรฐาน VietGap และ GlobaGap ซึ่งทุกอย่างเราทำบนสมาร์ทโฟน”

ในปีนี้ อำเภอแทงห่าได้ติดรหัส QR สำหรับสวนลิ้นจี่แต่ละสวนเพื่อค้ำประกันการปลูกตามมาตรฐาน GlobalGap ในการดูแลธุรกิจครัวเรือน 10 แห่งในกลุ่ม นาย ฝ่ามวันยาง หัวหน้าของกลุ่มผลิตหมายเลข 10 ในอำเภอได้ลงพื้นที่เพื่อแนะนำวิธีการปลูก โดยเฉพาะการใช้ยากำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องให้แก่เกษตรกร

“ไม่ใช่เกษตรกรทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนและพวกเขาส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุ ดังนั้น เราจะทำการฝึกอบรมและแนะนำต่อไปเพื่อให้พวกเขาค่อย ๆ มีความคุ้นเคย ในปีนี้ มีแค่กลุ่มหมายเลข 10 ของเราที่ได้ติดรหัส QR แต่ในปีหน้า ตามแนวทางของกระทรวงการเกษตรและพัฒนาชนบทและทางการจังหวัดหายเยือง ธุรกิจครัวเรือนที่ปลูกลิ้นจี่ตามมาตรฐาน GlobalGap ทุกครัวเรือนจะได้รหัส QR เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนกลับและส่งออกไปยังต่างประเทศได้

เกษตรกรจังหวัดหายเยืองผลักดันการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล - ảnh 2ลิ้นจี่แทงห่า จังหวัดหายเยืองมีคุณภาพที่ดีที่สุด

การติดรหัส QR เป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งช่วยให้ลิ้นจี่ของอำเภอแทงห่าสามารถจำหน่ายได้อย่างสะดวกผ่านอี – คอมเมิร์ซต่างๆ เช่น Alibaba.com Voso.vn Sendo.vn และ Lazada.vn โดยเฉพาะในสภาวการณ์เกิดการแพร่ระบาดอย่างซับซ้อนของโรคโควิด -19 นาย เหงียนดั๊กเหวียดหยุง ประธานคณะกรรมการบริหารของ Sendo เผยว่า หายเยืองเป็นหนึ่งในจังหวัดแรกๆ ที่ได้จำหน่ายสินค้าบน Sendo ในปี 2021 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ถึงแม้เป็นแค่การทดลองเท่านั้น แต่ภายในเวลาสั้นๆ จากการมีคุณภาพสูง บวกกับการใช้การบริการที่เหมาะสม Sendo ได้สนับสนุนสหกรณ์ต่างๆ ในจังหวัดหายเยืองจำหน่ายลิ้นจี่ได้กว่า 50 ตันและผักกว่า 100 ตัน จากผลสำเร็จดังกล่าว Sendo ได้ขยายการจำหน่ายสินค้าเกษตรที่ปลอดสารพิษ โดยได้สร้างช่องทางจำหน่ายใหม่คือ Sendo Farm ตั้งแต่ปี 2021  ดังนั้น เพื่อปฏิบัติโครงการดังกล่าว Sendo จึงได้ร่วมมือกับเกษตรกรและสำนักงานที่เกี่ยวข้องจัดทำขั้นตอนการบรรจุหีบห่อและการขนส่งที่ดีที่สุด โดยในปีนี้ Sendo ได้ประสบความสำเร็จมากขึ้นเนื่องจากมีลูกค้าประจำที่เชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าเกษตรปลอดสารพิษที่จำหน่ายบนแพลฟอร์ม

ในขณะเดียวกัน ควบคู่กับคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร บริษัทที่สั่งซื้อและแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกยังลงทุนอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อตรวจสอบขั้นตอนการปลูกและดูแลแหล่งวัตถุดิบ นาง โงถิทูห่ง ผู้อำนวยการใหญ่บริษัทหุ้นส่วน Ameii Vietnam กล่าวว่า

“เรามีซอฟแวร์ควบคุมเขตปลูกวัตถุดิบ ทั้งการระบุสถานที่ปลูก อัพเดทขั้นตอนการปลูก การใช้ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช พร้อมทั้งมีซอฟแวร์ตรวจสอบย้อนกลับ เราได้ใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงกับเกษตรกรและทางการท้องถิ่นในการดูแลเขตปลูกวัตถุดิบให้บรรลุมาตรฐานส่งออกไปยังตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวด”

การจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบอี – คอมเมิร์ซได้ช่วยให้จังหวัดหายเยืองมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเฉพาะถิ่นที่มั่นคงอีกแห่งหนึ่ง พร้อมทั้งมีส่วนช่วยเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทาน ค้ำประกันด้านโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการทำธุรกิจผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ  ซึ่งสามารถใช้ศักยภาพการพัฒนาสินค้าเกษตรได้อย่างเต็มที่และเพิ่มมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมการเกษตรจังหวัดหายเยือง การเปลี่ยนแปลงใหม่ในการปลูกและการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลายหลายได้ช่วยให้ลิ้นจี่ของเวียดนามสามารถเจาะตลาด 30 ประเทศและดินแดนทั่วโลก โดยเฉพาะสามารถเข้าถึงตลาดต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย อียู สิงคโปร์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจีน นอกจากนี้ ทางการจังหวัดฯ ได้ตั้งเป้าไว้ว่า ในเวลาข้างหน้า จะเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวด ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและพัฒนาเกษตรอินทรีย์ นาย หวูเหวียดแอง ประธานคณะกรรมการประชาชนอำเภอแทงห่าเผยว่า

“เป้าหมายของเราคือต้องควบคุมให้สินค้าบรรลุมาตรฐานคุณภาพ โดยทางคณะกรรมการประชาชนจังหวัดได้จัดโครงการพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรที่เน้นประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเกษตรอินทรีย์ระยะปี 2021-2025 และกำหนดแนวทางถึงปี 2030 โดยมีการปฏิบัติกลไกนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ เรายังเสนอให้ปฏิบัติกลไกเฉพาะต่างๆ ต่อลิ้นจี่เพื่อให้อำเภอฯ สามารถขยายพื้นที่ปลูกลิ้นจี่ที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะสั่งให้สำนักงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบขั้นตอนการผลิตอย่างเข้มงวดเพื่อค้ำประกันคุณภาพเพื่อการส่งออก”

ในฤดูปลูกลิ้นจี่ปีนี้ จังหวัดหายเยืองสามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 61,500 ตัน ซึ่งมีประมาณร้อยละ 10 ส่งออกไปยังตลาดที่มีเงื่อนไขเข้มงวด เช่น ญี่ปุ่นและยุโรป ถึงแม้ว่า ปริมาณการส่งออกจะยังไม่สูงนัก แต่ก็มีความหมายสำคัญต่อการสร้างพื้นฐานในการขยายตลาดให้แก่อุตสาหกรรมการเกษตรของท้องถิ่น โดยเฉพาะช่วยเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและความรู้ของเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตร.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด