(VOVworld) – ดำเนินกิจกรรมต่างๆในกรอบงานเฟสทีเวิลเว้ 2012 เช้าวันที่ 11 เมษายน ณ จัตุรัส NgoMon มีการจัดงานมหกรรมว่าวนานาชาติ ส่วนในช่วงบ่าย ก็มีการจัดกิจกรรมศิลปะบนท้องถนนในเขตโบราณสถานและถนนสายสำคัญต่างๆของกรุงเก่าเว้โดยมีการเข้าร่วมของคณะนาฏศิลป์ทั้งในและต่างประเทศและไม่เก็บค่าเข้าชม ส่วนในเวลา 20.00 น. ณ เขตศิลาจารึกQuốcHọcHuế จะมีการเดินแบบชุดAo dai ครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด“ศิลปะจากดอกบัว”

การเดินแบบชุด AoDai ในเฟสทีเวิลเว้ 2012 (Internet)

ก่อนหน้านั้น เมื่อค่ำวันที่ 10 เมษายน ณ วัง LuongDinh ในริมฝั่งแม่น้ำ Huong ของกรุงเก่าเว้ ได้มีการจัด “เทศกาลกลอง (Drum) และเครื่องดนตรีเคาะนานาชาติ” ที่ผสมผสานเข้ากับการแสดงนาฏศิลป์ที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของคณะตีกลองและเครื่องดนตรีเคาะจากท้องถิ่นต่างๆทั้งภายในและต่างประเทศโดยมีคณะกลองเข้าร่วม 12 คณะและใช้กลองในการแสดง 100 ใบซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของลูกหลาน 100 คนของเทพ LacLongQuan และเทพ AuCo ที่มีคุณูปการณ์สร้างประเทศ VanLang ในอดีตโดยเวทีแสดงถูกออกแบบเป็นรูปกลมที่มีลวดลายเหมือนกลองมโหระทึก DongSon นาย LeQuyDuong ผู้กำกับการแสดงได้เผยว่า “รายการความภาคภูมิใจเวียดนาม” เป็นเนื้อหาหลักของการแสดงซึ่งแสดงให้เห็นถึงยุคต่างๆในสมัยสร้างชาติของบรรพกษัตริย์เวียดนามและความรักชาติของชาวเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีการเข้าร่วมของคณะกลองจากญี่ปุ่น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและอัฟริกาใต้“งานเฟสทีเวิลจะช่วยให้ผู้ชมและนักท่องท่องเที่ยวได้สัมผัสกับน้ำใจของชาวเวียดนาม เสียงกลองมีความผูกพันธ์กับจิตวิญญาณ ดินฟ้าอากาศและความหวังของชาวเวียดนามซึ่งจะสร้างความซาบซึ้งใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมงานอย่างแน่นอน คณะกลองจากทั่วประเทศที่เข้าร่วมงานยังมีน้อย แต่เราก็จัดการแสดงตีกลองที่สำคัญๆ เช่น กลองมโหระทึก DongSon กลองชาววัง ฆ้อง TayNguyen และกลอง TaySon ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดนตรีเวียดนาม ผมหวังว่า ในเฟสทีเวิลปีต่อๆไปจะมีคณะกลองจากจังหวัดต่างๆมาเข้าร่วมงานมากขึ้น” นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดงานได้แสดงความหวังว่า จะเปิดการรณรงค์ “เสียงกลองต้อนรับนักเรียนไปโรงเรียน” เพื่อเรี่ยไรเงินนำไปช่วยเหลือโรงเรียนที่ยากจนและหลังจากที่เสร็จสิ้นงานเฟสทีเวิลเว้ คณะกรรมการจัดงานจะมอบกลอง 50 ใบให้แก่โรงเรียนต่างๆในจังหวัด ThuaThienเว้

ส่วนเฟสทีเวิลมะพร้าว BenTre ครั้งที่ 3 ก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้วโดยในตลอด 1 สัปดาห์ของการจัดงาน ได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งในด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัด BenTre ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก นาย TranAnhTuan รองประธานคณะกรรมการประชาชนจังหวัด BenTre หัวหน้าคณะกรรมการจัดงานได้เผยว่า "เฟสทีเวิลมะพร้าวได้แนะนำศักยภาพและจุดแข็งของอุตสาหกรรมมะพร้าวของจังหวัด BenTre ทั้งด้านการปลูก การแปรรูปและการจำหน่าย ออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน แนะนำศักยภาพการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิทยาของเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง ชีวิตความเป็นอยู่ของชาว BenTre อีกทั้งเชิดชูชาวสวนและสถานประกอบการ”./