ประธานาธิบดีบารึึึค โอบามาชนะการเลือกตั้ง

แม้หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้มีสัญญาณที่ดีโดยทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตได้มีการปราศรัยที่มีลักษณะการประณีประนอมและไกล่เกลี่ยกับพรรครีพับลิกันที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็ตาม แต่กระแสข่าวสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ ๘ ที่ผ่านมายังมีความคิดเห็นว่า ในสมัยที่ ๒ นี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ยังคงเผชิญกับความท้ายทายต่างๆทั้งด้านภายในประเทศและต่างประเทศ เพราะขณะนี้ บรรดาผู้นำของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในรัฐสภายังคงขัดแย้งกันในปัญหานโยบายภาษี ซึ่งเป็นปัญหาได้รับความสนใจจากชาวอเมริกัน  โดยทำเนียบขาวและสมาชิกรัฐสภาของพรรคเดโมแครตเน้นการขึ้นภาษีสำหรับคนรวยเพื่อเพิ่มงบประมาณแผ่นดินและแก้ไขปัญหาหนี้ของประเทศ แต่บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันในรัฐสภากลับเห็นว่า คนรวยคนมีเงินเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นหากขึ้นภาษีการลงทุนก็จะลดลงและจะส่งผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจ และวันที่ ๓๑ ธันวาคมนี้ กฎหมายกำหนดเกี่ยวกับการลดภาษีรายได้ส่วนบุคคลร้อยละ ๒ จะหมดอายุลง หากสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องภาษี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๐๑๓ เป็นต้นไป  งบประมาณแผ่นดินจะถูกตัดลด ๑ ล้าน ๒ แสนล้านเหรียญสหรัฐภายใน ๑๐ ปีโดยอัตโนมัติ ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งเป็นงบประมาณด้านทหาร  ความท้ายทายอีกประการหนึ่งสำหรับรัฐบาลของนายบารัค โอบามาคือ การโน้มน้าวให้รัฐสภาเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศใกล้เคียงอัตราที่รัฐสภากำหนดคือ ๑ หมื่น ๖ พัน ๔ ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ  ทางด้านการต่างประเทศ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาต้องแก้ไขความท้ายทายหลายประเด็นที่ยังคั่งค้างอยู่ไม่ว่าจะเป็นการขัดดขวางโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยไม่ต้องเปิดสงครามครั้งใหม่ในตะวันออกกลางโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อิสราเอลขู่มาตลอดว่าจะเปิดการโจมตีทางอากาศแต่เป็นฝ่ายเดียวใส่สถานที่ที่ถูกสังสัยว่าเป็นแหล่งผลิตอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านและเร่งผลักดันให้อิสราเอลกับปาเลสไตน์ลงนามในข้อตกลงสันติภาพระยะยาวตามที่ได้ให้คำมั่นไว้ตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งสมัยแรก ./.