ในการนี้ นาย เลมิงค้าย รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ย้ำว่า เศรษฐกิจแบบหมู่คณะเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยต้องได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาควบคู่กับเศรษฐกิจภาครัฐเพื่อกลายเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้แก่เศรษฐกิจของประเทศ  การพัฒนาเศรษฐกิจแบบหมู่คณะเป็นแนวโน้มหลัก มีภาวะวิสัยและเป็นหน้าที่ของทั้งระบบการเมือง พร้อมทั้งกำชับให้สมาคมเกษตรกรส่วนกลางเวียดนามต้องธำรงการจัดการฟอรั่มเพื่อให้เกษตรกรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการผลิตและการประกอบธุรกิจ พยายามจนถึงปี 2030 เวียดนามจะมีสหกรณ์ 4 หมื่น 5 แห่ง กลุ่มสหกรณ์ 1 แสน 4 หมื่นกลุ่ม โดยมีสมาชิก 2 ล้านคนและเสนอมาตรการต่างๆเพื่อเสริมสร้างเสาหลักการเกษตรให้เข้มแข็งและยั่งยืน.

“สมาคมเกษตรกรเวียดนามต้องจัดทำเนื้อหาและมาตรการประชาสัมพันธ์ ให้การศึกษาเพื่อเพิ่มรูปแบบที่หลากหลาย   ยกย่องสดุดีองค์การเศรษฐกิจแบบหมู่คณะที่ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เสนอให้สมาคมเกษตรกรทุกระดับประชาสัมพันธ์และส่งเสริมให้จัดตั้งสหกรณ์ใหม่ที่มีการเชื่อมโยง สร้างห่วงโซ่เชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์และกลุ่มสหกรณ์กับสถานประกอบการ รัฐ นักวิทยาศาสตร์และธนาคาร”.