การสนทนาระหว่างผู้นำเอเปกกับ ABAC (Photo VNplus)

ในนามของประเทศเจ้าภาพเอเปก 2017 ประธานประเทศเวียดนามเจิ่นด่ายกวางได้กล่าวปราศรัยยืนยันถึงความสำคัญของการสนทนานี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแสวงหาแนวทางใหม่เพื่อธำรงบทบาทของเอเปกที่เป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่การขยายตัวและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในทั่วโลกและในเอเชีย – แปซิฟิก พร้อมทั้งชื่นชมข้อเสนอ 20 ข้อและความคิดต่างๆของ ABAC ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้ผู้นำเอเปกพิจารณาและตัดสินใจแนวทางใหม่ของเอเปกในอนาคต  “ข้อเสนอเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก ปัญหาที่ชมรมสถานประกอบการให้ความสนใจ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจในภูมิภาค การเชื่อมโยงและผลักดันการค้าและการลงทุน สถานประกอบการขนาดกลาง ขนาดย่อมและขนาดจิ๋ว การพัฒนาอย่างครอบคลุม ความมั่นคงด้านอาหาร วิสัยทัศน์เอเปกหลังปี 2020 เป็นต้น ก็เป็นปัญหาที่บรรดาผู้นำเอเปกกำลังตระหนักเพื่อหารือแสวงหามาตรการแก้ไขและมีแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสม”

ประธานประเทศได้ย้ำว่า การเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ การค้าเสรีและการลงทุนคือเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆของความร่วมมือเอเปก เศรษฐกิจสมาชิกได้ให้คำมั่นว่า จะผลักดันการเสร็จสิ้นเป้าหมายโบกอร์ โดยเน้นถึงการบริการ การลงทุนและมาตรการลดกำแพงกีดกันด้านภาษี เอเปกจะผลักดันการปฏิบัติแผนปฏิบัติการที่ได้รับการอนุมัติ ที่น่าสนใจคือแผนบูรณาการเกี่ยวกับการเชื่อมโยงเอเปก กรอบการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน กระบวนการร่วมมือด้านการบริการในช่วงปี 2016-2025 ให้ความสนใจแก้ไขปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้น เช่นการค้าอิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ กระบวนการเกี่ยวกับเศรษฐกิจอินเตอร์เน็จและดิจิตอล เป็นต้น ประธานประเทศได้ยืนยันว่า การประชุมผู้นำเอเปกในวันที่ 11 พฤศจิกายนจะหารือถึงแนวทางต่างๆเพื่อผลักดันความพยายามเสร็จสิ้นเป้าหมายโบกอร์ การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เสริมสร้างระบบการค้าพหุภาคี ผลักดันข้อตกลงการค้าภูมิภาคและมุ่งสู่การสร้างสรรค์ภูมิภาคการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิกหรือเอฟทีเอเอพี พร้อมทั้งแสดงความเชื่อมั่นว่า การเดินพร้อมของสถานประกอบการจะสร้างพลังขับเคลื่อนใหม่เพื่อแปรเป้าหมายความร่วมมือเอเปกคือเพื่อสถานประกอบการและประชาชนให้เป็นรูปธรรม.