นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์

โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้หารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับกระบวนการของความสัมพันธ์เวียดนาม – สหรัฐบนพื้นฐานที่น่ายินดีของความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศ ซึ่งผู้นำทั้งสองประเทศได้ย้ำว่า โอกาสต่างๆกำลังเปิดให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในด้านการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ความมั่นคง – กลาโหม การศึกษา การพบปะในระดับประชาชน มนุษยธรรม การแก้ไขผลร้ายจากสงครามและปัญหาระดับภูมิภาคและโลกที่ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจ ผู้นำทั้งสองท่านยังเห็นพ้องกันว่า จะผลักดันโอกาสดังกล่าวผ่านการขยายความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านบนพื้นฐานการให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายสากล ให้ความเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณะภาพแห่งดินแดนและระบบการเมืองของแต่ละฝ่าย

ผู้นำทั้งสองท่านให้คำมั่นว่า จะขยายความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อกันและนับวันพัฒนาเพื่อมีส่วนร่วมผลักดันความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายยืนยันถึงบทบาทสำคัญของการผลักดันการค้าทวิภาคีและสร้างบรรยากาศที่อำนวยความสะดวกให้แก่สถานประกอบการทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะผ่านการปฏิบัติกรอบข้อตกลงเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศบนเจตนารมณ์แห่งการสร้างสรรค์

ผู้นำทั้งสองท่านเห็นพ้องขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีด้านกลาโหมบนพื้นฐานของบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือด้านกลาโหมทวิภาคีปี 2011 และแถลงการณ์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ร่วมของความสัมพันธ์กลาโหมปี 2015 พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับมาตรการขยายความร่วมมือในด้านที่ให้สิทธิพิเศษ เช่น ความร่วมมือด้านมนุษยธรรม การแก้ไขผลร้ายจากสงครามและความมั่นคงทางทะเล

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหงียนซวนฟุ๊กได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญของการปกป้องและผลักดันสิทธิมนุษยชนและความเชื่อมโยงระหว่างสิทธิมนุษยชนกับความมั่นคงและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของแต่ละประเทศ สหรัฐชื่นชมความพยายามของเวียดนามในการปรับปรุงระบบกฎหมายเพื่อปกป้องและผลักดันสิทธิให้แก่ประชาชนทุกคน

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีเหงียนซวนฟุ๊กได้แสดงความสนใจถึงปัญหาระดับภูมิภาคและโลก รวมทั้งปัญหาทะเลตะวันออกและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ผู้นำทั้งสองประเทศได้เปิดอนาคตที่สดใสให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านและเห็นพ้องกันว่า จะผลักดันให้ความสัมพันธ์นี้มีความลึกซึ้ง จริงจังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในเอเชีย – แปซิฟิกและโลก.