ท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซางและรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ

(VOVworld) – ในกรอบการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ วันที่ 24 กรกฎาคม ณ  กรุงวอร์ชิงตัน ท่าน เจืองเติ๊นซาง ประธานประเทศได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเลี้ยงของรัฐบาลสหรัฐที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเป็นประธานโดยได้กล่าวถึงภาพรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนาม รวมทั้งนโยบายการต่างประเทศในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในเชิงรุกอย่างเข้มแข็งขัน ในสภาวะการณ์ที่ภูมิภาคและโลกกำลังมีการผันผวนอย่างซับซ้อน ท่าน เจืองเติ๊นซาง ได้ย้ำถึงบทบาทของประเทศใหญ่ๆ รวมทั้งสหรัฐว่า “ในนโยบายต่างประเทศ เวียดนามให้ความสำคัญและถือสหรัฐเป็นหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้มีก้าวเดินที่น่ายินดีในเวลาที่ผ่านมาบนพื้นฐานแห่งความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง มิตรภาพ มีลักษณะสร้างสรรค์ ร่วมมือในหลายด้าน ให้ความเคารพระหว่างกันและเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ปัจจุบัน ทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่ร่วมมืออย่างกว้างขวางในปัญหาทวิภาคีเท่านั้น หากยังมีความร่วมมือในปัญหาทั้งในระดับภูมิภาคและโลกอีกด้วย เช่น การต่อต้านการก่อการร้าย ความปลอดภัยในการเดินเรือและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะทั้งสองฝ่ายกำลังตั้งใจเสร็จสิ้นข้อตกลงหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิกหรือทีพีพีเพื่อสร้างความสมดุลและตอบสนองผลประโยชน์ของทุกฝ่าย”

ท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซางและบรรดา ส.ส ของสหรัฐ

ในวันเดียวกัน ท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง ได้พบปะกับส.สของรัฐสภาและคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐ ในการนี้ บรรดาส.สของสหรัฐได้ย้ำว่า การเยือนสหรัฐของประธานประเทศเวียดนามจะเปิดระยะแห่งการพัฒนาใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์ พร้อมทั้งแสดงความสนใจต่อปัญหาในภูมิภาค รวมทั้งปัญหาความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือในทะเลตะวันออก ให้ความสำคัญต่อความพยายามของอาซียนและเวียดนามในการผลักดันการเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับร่างระเบียบการว่าด้วยการปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือซีโอซี ส่วนท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง ได้เสนอให้บรรดา ส.ส สหรัฐให้การสนับสนุนความสัมพันธ์ในหลายด้านระหว่างสองประเทศทั้งในด้านทวิภาคี ภูมิภาคและโลก

ท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรสหรัฐ

ก่อนหน้านั้น เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ท่าน เจืองเติ๊นซาง ได้ให้การต้อนรับนาย เปนนี ฟริตซ์เกอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า นาย ทอม วิล ซากค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและนาย มีแซล ฟรอมาน ตัวแทนการค้าสหรัฐ ในการนี้ บรรดารัฐมนตรีของสหรัฐได้ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐกำลังมีโอกาสที่ดีเพื่อพัฒนาอย่างเข้มแข็งในเวลาที่จะถึงและให้คำมั่นว่า จะขยายความร่วมมือในหลายด้านกับเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนโดยนาย เปนนี ฟริตซ์เกอร์ และนาย มีแซล ฟรอมาน ได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลสหรัฐและจะร่วมมือกับสมาชิกอื่นๆเพื่อผลักดันการเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิกหรือทีพีพี อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมความคืบหน้าในการเจรจาที่ผ่านมาระหว่างเวียดนามกับสหรัฐที่ประเทศมาเลเซีย ส่วนนาย ทอม วิล ซากค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรสหรัฐได้ประเมินว่า ความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างเวียดนามกับสหรัฐยังมีศักยภาพมากมายและยืนยันว่าจะผลักดันโครงการช่วยเหลือเวียดนามในการพัฒนาทักษะความสามารถและฝึกอบรมในด้านการเกษตร ส่วนท่าน เจืองเติ๊นซาง ได้ย้ำว่า ข้อตกลงทีพีพีต้องเป็นข้อตกลงที่สร้างความสมดุลเพื่อเป้าหมายการพัฒนา คำนึงถึงความหลากหลายและระดับการพัฒนาของแต่ละสมาชิก ประธานประเทศเจืองเติ๊นซาง ได้เสนอให้สหรัฐอำนวยความสะดวกเพื่อให้สินค้าเวียดนามเจาะตลาดของสหรัฐให้มากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าต่อสินค้าที่นำเข้าจากเวียดนามเพื่อค้ำประกันผลประโยชน์ที่ชอบธรรมของสถานประกอบการและผู้ใช้แรงงานเวียดนาม ตลอดจนสิทธิผลประโยชน์ของผู้บริโภคสหรัฐ พร้อมทั้งย้ำว่า คดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการขายทุ่มตลาดหรือการคุ้มครองปลาบาซา ปลาสวายและกุ้งได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรเวียดนามนับล้านคน สร้างอุปสรรค์ให้แก่การดำรงชีวิตของเกษตรกรและความพยายามแก้ปัญหาความยากจนในเขตชนบท ท่านประเทศประเทศเวียดนามได้เสนอให้สหรัฐระบุเวียดนามเข้าในรายชื่อประเทศที่กำลังพัฒนาและให้การสนับสนุนด้านเทคนิกเพื่อเพิ่มทักษะความสามารถในการปฏิบัติคำมั่น เน้นการฝึกอบรมแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูงและรับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนามและทั้งสองประเทศต้องหารือเกี่ยวกับการร่างข้อตกลงโครงว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรโดยเร็ว

ท่านประธานประเทศ เจืองเติ๊นซาง และประธานธนาคารโลก

ในวันเดียวกัน ประธานประเทศเวียดนามได้มีการพบปะกับประธานธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้งกล่าวปราศรัยในงานเลี้ยงของสถานประกอบการสหรัฐโดยท่าน เจืองเติ๊นซาง ได้ย้ำว่า เวียดนามกำลังทำการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขยายตัว ผลักดันการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย การผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างลึกและการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเศรษฐกิจอาเซียน ปี 2013 เป็นปีแรกที่เวียดนามทำการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเสรีกับเศรษฐกิจชั้นนำของโลก สร้างพื้นฐานให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนที่เสมอภาค ยาวนานและสร้างสรรค์และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและห้าหากเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี 14 ฉบับในช่วงปี 2015-2020 เวียดนามจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญของเครือข่ายเศรษฐกิจที่กว้างขวางของ 55 หุ้นส่วน รวมทั้ง15 ประเทศที่เป็นสมาชิกของจี20./.