(VOVworld) – ในกรอบการเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 เดือนนี้ ท่าน Nguyễn Sinh Hùng ประธานรัฐสภาเวียดนามพร้อมคณะผู้แทนระดับสูงได้มีการเจรจากับประธานรัฐสภาลาวปานี ยาท่อตู้ เข้าเยี่ยมคารวะเลขาธิการใหญ่และประธานประเทศลาวจุมมาลี ไซยะสอนและท่านทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว  โดยในการพบปะกับประธานประเทศลาว ท่าน Nguyễn Sinh Hùng ได้กล่าวย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศกำลังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งมีการพัฒนาในส่วนลึกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนการจัดปีสามัคคีมิตรภาพเวียดนาม – ลาว 2012 ก็เพื่อศึกษาเกียรติประวัติแห่งความสัมพันธ์พิเศษให้แก่เยาวชนชนเพื่อให้ปี 2012 เป็นจุดเด่นในความสัมพันธ์ที่เสมอต้นเสมอปลายระหว่างสองประเทศ โอกาสนี้ ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกันว่า ในสภาวะการณ์ที่โลกและภูมิภาคมีความผันผวนนั้น การส่งเสริมและผลักดันความสามัคคีพิเศษและความร่วมมือในทุกด้านจะมีความหมายที่สำคัญและเป็นปัจจัยชี้ขาดในภารกิจการสร้างสรรค์และพิทักษ์รักษาปิตุภูมิในแต่ละประเทศให้ประสบความสำเร็จ   ก่อนหน้านั้น ท่าน Nguyễn Sinh Hùng ได้มีการพบปะกับท่านทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว โดยให้ความสำคัญต่อส่วนร่วมของนายกรัฐมนตรีลาวในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะการขยายความสัมพันธ์ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน พร้อมทั้งยืนยันว่า เวียดนามสนับสนุนให้ลาวเข้าร่วมองค์การการค้าโลกโดยเร็วและจะให้การช่วยเหลือลาวในการจัดการประชุมสุดยอดเอเชีย – ยุโรปครั้งที่ 9 ในปลายปีนี้  ในบ่ายวันเดียวกัน ท่าน Nguyễn Sinh Hùng ได้ไปเยือนสถานทูตเวียดนามและสำนักงานตัวเทนของเวียดนามในประเทศลาว.

ประธานรัฐสภาเวียดนามกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภาลาว( หนังสือพิมพ์กวนโด่ยเญินเญิน )

เช้าวันที่๔เดือนนี้ ท่านNguyễn Sinh Hùng ประธานรัฐสภาได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมรัฐสภาลาวครั้งที่๓สมัยที่๗โดยยืนยันว่า นี่เป็นปรากฏการณ์ที่มีชีวิตชีวาเกี่ยวกับสัมพันธไมตรี ความสามัคคีพิเศษ และความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองพรรค สองรัฐและประชาชนทั้งสองประเทศ ในโลกไม่มีประเทศที่เป็นเพื่อนบ้านที่มีความผูกพันและให้ความช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ในการปฏิวัติปลดปล่อยประชาชาติและมีเส้นทางพัฒนาที่คล้ายคลึงกันดังเวียดนามและลาว ท่านNguyễn Sinh Hùngกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับลาวเป็นความสัมพันธ์ที่ซื่อสัตย์ แจ่มใสและหายากที่ประธานโฮจิมินห์ ประธานไกสรพรหมวิหาร ประธานสุภานุวงค์ ผู้นำและประชาชนรุ่นต่างๆของทั้งสองประเทศได้ทำนุบำรุง ความสัมพันธ์นั้นได้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ เป็นหนึ่งในปัจจัยชี้ขาดชัยชนะของแต่ละประเทศ เป็นทรัพย์สินอันล้ำค่าของทั้งสองประชาชาติที่ควรรักษาและถ่ายทอดให้ชนรุ่นหลัง”  ท่านNguyễn Sinh Hùng เห็นว่า สัมพันธไมตรีที่มีมาช้านาน ความสามัคคีพิเศษ และความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง  ความสัมพันธ์ทางการเมือง การป้องกันประเทศ ความมั่นคง การต่างประเทศ การศึกษา ฝึกอบรม ได้รับการผลักดันจนเกิดประโยชน์อย่างจริงจัง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าได้รับการขยายซึ่งได้สร้างพื้นฐานให้แก่ยุทธศาสตร์ความร่วมมืออย่างยั่งยืนและยาวนานระหว่างสองประเทศ  ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้รับการเสริมสร้างและพัฒนา มีส่วนร่วมส่งเสริมสัมพันธไมตรีที่มีมาช้านาน และความสามัคคีพิเศษระหว่างสองประเทศให้พัฒนายิ่งขึ้น  รัฐสภาของทั้งสองประเทศได้ถ่ายทอดประสบการณ์ ช่วยเหลือกันในการจัดการประชุมนานาชาติและมีความร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นและการสนับสนุนกันในเวทีภูมิภาคและโลก ท่านNguyễn Sinh Hùngกล่าวว่า “ในระยะพัฒนาใหม่ปัจจุบัน การขยายสัมพันธไมตรีพิเศษ ความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศไม่เพียงแต่เป็นความต้องการของการพัฒนาเท่านั้นหากยังเป็นความปรารถนาของประชาชน และความรับผิดชอบของผู้นำแต่ละประเทศอีกด้วยและมีส่วนช่วยให้การสร้างสรรค์ การพิทักษ์รักษา การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการผสมผสานเข้ากับกระแสโลกในแต่ละประเทศประสบความสำเร็จผมมีความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่า จากเกียรติประวัติที่ได้รับการทดสอบในประวัติศาสตร์และผลสำเร็จที่ได้ประสบมา ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะสถิตสถาพรตลอดกาล ”./.