นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ

(VOVWORLD) - วันที่ 24 สิงหาคม นาย Scott Morrison นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้เสร็จสิ้นการเยือนเวียดนามในระหว่างวันที่ 22- 24 สิงหาคมตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกด้วยผลสำเร็จอย่างงดงาม ในกรอบการเยือนเวียดนาม นายกรัฐมนตรี Scott Morrison ได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก พบปะกับประธานสภาแห่งชาติเหงวียนถิกิมเงิน เข้าเยี่ยมคารวะรองประธานประธานดั่งถิหงอกถิ่งและพบปะกับตัวแทนสถานประกอบการดีเด่นของทั้ง 2 ประเทศ
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ - ảnh 1ภาพการแถลงข่สวต่อสื่อมวลชนระหว่างนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย  Scott Morrisonและนายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุก (VNA)

โอกาสนี้ นาย Scott Morrison ได้ไปวางพวงมาลาและเข้าเคารพศพประธานโฮจิมินห์ เยือนเขตอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ โรงพยาบาลภาคสนามระดับ 2 หมายเลข 2 ของกองทัพประชาชนเวียดนาม ณ สถาบันเสนารักษ์ 103 และสถานที่จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง

ทั้ง 2 ฝ่ายได้ออกแถลงการณ์ร่วมเวียดนาม-ออสเตรเลียที่ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เข้มแข็งและมุ่งสู่การพัฒนาขึ้นสู่ขั้นสูงใหม่ เห็นพ้องเกี่ยวกับแผนปฏิบัติความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์เวียดนาม-ออสเตรเลียระยะปี 2020-2023 ที่เน้นกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ กลาโหมและความมั่นคง สร้างสรรค์ความสัมพันธ์หุ้นส่วนด้านความรู้และนวัตกรรม รวมถึงการบริการสาธารณะ การจัดตั้งศูนย์วิจัยเวียดนาม-ออสเตรเลีย ทั้ง 2 ฝ่ายแสดงความยินดีต่อการจัดกิจกรรมรำลึก 10 ปีข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน – ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์และกระบวนการยกระดับข้อตกลงนี้ พร้อมทั้งให้คำมั่นส่งเสริมความร่วมมือเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ CPTPP

ทั้ง 2 ฝ่ายให้คำมั่นที่จะปกป้องมหาสุมทรผ่านการลดปัญหาขยะพลาสติก แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสารทางวิชาการ ส่งเสริมการทำประมงอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้ท้องถิ่นต่างๆกระชับความร่วมมือผ่านการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนทุกระดับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหาร โดยเฉพาะการวางผังตัวเมือง ระบบคมนาคม การศึกษาและฝึกอบรมและการทำธุรกิจสตาร์ทอัพ พร้อมทั้งให้คำมั่นที่จะสร้างสรรค์โครงสร้างในภูมิภาคที่เปิดกว้าง ครอบคลุม เจริญรุ่งเรืองและปลอดภัยบนพื้นฐานของการให้ความเคารพกฎหมายสากล อธิปไตย เอกราชและบูรณภาพแห่งดินแดนและยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและกลไกต่างๆที่อาเซียนเป็นผู้ริเริ่ม โดยเฉพาะการประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก ทั้ง 2 ฝ่ายได้ย้ำถึงความสำคัญของการเดินเรือและการบินอย่างเสรี การปฏิบัติตามกฎหมายสากลและธำรงความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยอ้างอิงกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆใช้ความอดกลั้น หลีกเลี่ยงปฏิบัติการที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้น และยืนยันอีกครั้งถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาการพิพาทผ่านมาตรการสันติ ไม่ใช้หรือข่มขู่ที่จะใช้กำลังและปฏิบัติตามกฎหมายสากล โดยเฉพาะอนุสัญญาสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี 1982.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด