นาย เหงวียนซวนฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามและประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์

นี่เป็นการเยือนสหรัฐครั้งแรกของนาย เหงวียนซวนฟุก ในฐานะนายกรัฐมนตรีเวียดนาม   ในกรอบการเยือนสหรัฐเป็นเวลา3วัน นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้มีการเจรจากับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์   ซึ่งผู้นำทั้งสองประเทศได้ยืนยันถึงคำมั่นที่จะพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศตามแนวทางที่มีเสถียรภาพ  ยาวนานและสร้างสรรค์   ซึ่งไม่เพียงแต่เพื่อผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศเท่านั้นหากยังเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและโลกบนพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายสากล  ให้ความเคารพเอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนและกลไกการเมืองของแต่ละฝ่าย  ผู้นำทั้งสองประเทศยังเห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น มนุษยธรรม การแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม  การพบปะสังสรรค์ระดับประชาชน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  การศึกษาและฝึกอบรม สาธารณสุขและกลาโหม    พร้อมทั้ง ย้ำถึงความสำคัญของเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในทะเลตะวันออก  ให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการพิพาทอย่างสันติบนพื้นฐานของกฎหมายสากล  รวมทั้ง การให้ความเคารพกระบวนทางการทูตและนิตินัย  บรรดาผู้นำได้แสดงความยินดีต่อก้าวพัฒนาในการเจรจาเกี่ยวกับระเบียบการปฏิบัติต่อกันของทุกฝ่ายในทะเลตะวันออกอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติ นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้กล่าวปราศรัยในพิธีฉลองครบรอบ40ปีที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ โดยมีการเข้าร่วมของนาย อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ  นาย ปีเตอร์ ทอมป์สัน ประธานสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ เอกอัครราชทูตและหัวหน้าคณะผู้แทนของกว่า100ประเทศเข้าร่วม

ในกรอบการเยือนประเทศสหรัฐ  นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้สงวนเวลาส่วนใหญ่เพื่อหารือและพบปะกับสถานประกอบการและเครือบริษัทใหญ่ๆของสหรัฐ  เข้าร่วมการเสวนาโต๊ะกลมเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการลงทุนและการเงินระหว่างสองประเทศ ในการนี้ นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้ส่งสาส์นว่า เวียดนามมีความประสงค์ที่จะธำรงและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีงามกับสหรัฐ  ความสำเร็จของบรรดานักลงทุนสหรัฐก็ถือเป็นความสำเร็จของเวียดนาม

อาจกล่าวได้ว่า นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้เสร็จสิ้นการเยือนสหรัฐด้วยผลสำเร็จอย่างงดงาม  โดยทั้งสองฝ่ายได้ให้คำมั่นที่จะธำรงและพัฒนาความสัมพันธ์  บรรลุความเข้าใจร่วมเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง  สร้างพลังขับเคลื่อนใหม่ให้แก่ความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศเพื่อมีส่วนร่วมต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก.