นาย แซกเกเลารอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย

 (VOVworld) – รัสเซียเรียกร้องให้ประเทศต่างๆเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชนยูเครนมากกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง นี่คือคำประกาศของนาย แซกเกเลารอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียในการประชุมครั้งที่ 25 สภาสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นาย เลารอฟได้ย้ำว่า ต้องค้ำประกันการปฏิบัติคำมั่นต่างๆในข้อตกลงที่ลงนามเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ระหว่างประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิชกับผู้นำของกองกำลังฝ่ายค้าน ประกอบด้วยกระบวนการปฏิรูปรัฐธรรมนูญที่ต้องมีการเข้าร่วมและคำนึงถึงความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในยูเครนเพื่อทำประชาพิจารณ์ทั่วประเทศ นาย เลารอฟยังชี้ชัดว่า “ฝ่ายที่ตำหนิและเตือนว่าจะลงโทษรัสเซียก็คือกองกำลังที่สนับสนุนการไม่เข้าร่วมการสนทนาในยูเครนจนนำไปสู่งความแตกแยกในสังคมยูเครนในปัจจุบัน”
ในวันเดียวกัน สภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้เสนอให้ประธานาธิบดี ปูตินเรียกเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐกลับประเทศเพื่อประท้วงคำประกาศของสหรัฐเกี่ยวกับนโยบายของรัสเซียต่อยูเครน ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จอห์นแคร์รีได้ประกาศว่า สหรัฐไม่อยากกลับไปดำเนินความสัมพันธ์เหมือนในสมัยสงครามเย็นกับรัสเซียเนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครน นาย แคร์รียังเผยต่อไปว่า ประธานาธิบดี บารัก โอบามา มีความประสงค์ร่วมมือกับรัสเซียในปัญหานี้ หุ้นส่วนต่างๆในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกหรือจี 8 ได้ประกาศว่า จะยกเลิกการเตรียมเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มจี8 ซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 4-5 มิถุนายน ณ เมืองโซชิ ส่วนผู้นำของอังกฤษ เยอรมนี อิตาลี แคนาดา สหรัฐ ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ตลอดจนสภายุโรปและคณะกรรมการยุโรปได้คัดค้านการกระทำของรัสเซียต่อยูเครนและเรียกร้องให้มอสโคว์เจรจาโดยตรงกับทางการเคียฟ

สำหรับปัญหาในไครเมีย เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ทางการสาธารณรัฐไครเมียหรือ ARC สังกัดยูเครนได้ประกาศว่า ภายใน1วันมีทหารยูเครนกว่า 3 พันนายที่ประกาศหันมาเข้ากับประชาชนไครเมีย ตามความเห็นของตัวแทน ARC มีผู้บัญชาการทหารยูเครนบางนายจะหันมาสนับสนุนทางการไครเมีย แต่ยังไม่ระบุชื่อของบรรดาผู้บัญชการทหารดังกล่าว ก่อนหน้านั้น นาย แดนิส เบเรโยสกี ผู้บัญชาการกองทัพเรือยูเครนได้ประกาศเข้ากับสาธารณรัฐไครเมีย ในขณะเดียวกัน หน่วยพิเศษในเมืองคีโรโวกราดที่ได้รับคำสั่งจากทางการเคียฟชุดใหม่ที่เข้าไปในไครเมียเพื่อปิดล้อมหน่วยป้องกันตนเองไครเมียก็ได้ปฏิเสธคำสั่งดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าไม่รู้ว่าต่อสู้กับใครและเพื่อใครในไครเมีย
ส่วนวันที่ 4 มีนาคม ณ กรุงเคียฟ นาย อาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค รักษาการนายกรัฐมนตรียูเครนได้พบปะกับตัวแทนของสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศกว่า 600 คนเพื่อตอบคำถามที่เกี่ยวข้องถึงการค้ำประกันสิทธิผลประโยชน์ของสถานประกอบการในยูเครนในขณะที่ยูเครนกำลังตกเข้าสู่วิกฤตการเมืองที่รุนแรง นาย อาร์เซนีย์ ได้เผยว่า รัฐบาลยูเครนจะยอมรับทุกเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือเหลือ รวมทั้งการเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าก๊าซ ในวันเดียวกัน คณะปฏิบัติงานของ IMF ได้เดินทางถึงยูเครนเพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายปฏิรูปเพื่อเป็นพื้นฐานให้แก่โครงการช่วยเหลือของ IMF
ในขณะเดียวกัน วันที่ 4 มีนาคม ที่จังหวัด โอเดสซา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนได้มีประชาชนประมาณ 3 พันคนชุมนุมกันที่บริเวณด้านหน้าศาลาการจังหวัดโดยเรียกร้องไม่ให้รับรองทางการเคียฟปัจจุบัน ตลอดจนจัดทำประชาพิจารณ์
ขณะนี้ มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียฉบับล่าสุดได้ถูกเสนอโดยกลุ่มจี7ประกอบด้วย สหรัฐ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี แคนาดาและญี่ปุ่นคือการระงับการเตรียมเข้าร่วมการประชุมจี8 ณ เมืองโซชิและประณามการกระทำของรัสเซียว่า เป็นการละเมิดอธิปไตยของยูเครนอย่างชัดเจน ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมของกลุ่มจี8ที่รัสเซียเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 1997 ส่วนสหรัฐได้ประกาศระงับทุกการพบปะทางการค้าทวิภาคีและลงทุนกับรัฐบาลรัสเซียซึ่งถือเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งเพื่อผลักดันความสัมพันธ์ด้านการค้าระหว่างสองฝ่าย ในขณะเดียวกัน ทุกคำมั่นด้านการทหารระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ เช่น การซ้อมรบ การประชุมทวิภาคีและการแวะเข้าเทียบท่าเรือต่างถูกยกเลิก

ในการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ Rossiya-24 ของรัสเซียเมื่อวันที่ 3 มีนาคม นาย เซร์เก นารีส์กิน ประธานสภาล่างรัสเซียได้ประกาศว่า ไม่จำเป็นส่งกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียไปยังยูเครน พร้อมทั้งตำหนิรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จอห์นแคร์รีว่า มีมุมมองที่คับแคบเนื่องจากประกาศว่า รัสเซียเข้าแทรกแซงวิกฤตยูเครนซึ่งคำประกาศของนาย แคร์รีจะทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น หากไม่สามารถหาทางออกให้แก่ยูเครนได้

ในวันเดียวกัน รัสเซียได้ปฏิเสธข่าวว่า ได้ขีดเส้นตายโจมตีคาบสมุทรไครเมียของยูเครน ส่วนเจ้าหน้าที่ของกองเรือในทะเลดำของรัสเซียได้ยืนยันว่า ข่าวเกี่ยวกับการขีดเส้นตายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและเผยว่า คุ้นเคยกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้กำลังเพื่อต่อต้านพี่น้องยูเครนแล้วและแผนกุศโลบายเพื่อทำให้เกิดการปะทะกันจะไม่ประสบความสำเร็จ

ในขณะเดียวกัน ในการให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆเมื่อวันที่ 3 มีนาคม นาย วลาดีเมียร์ คอนสตานตีนอฟ โฆษกของสภาสูงสุดสาธารณรัฐไครเมียของยูเครนได้ประกาศว่า เมืองเคร์ซอนและนีโคลาแอฟของยูเครนมีความประสงค์ที่จะเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของไครเมีย พร้อมทั้งย้ำว่า กองกำลังการเมืองหลายฝ่ายในเขตปกครองพิเศษเซวาสโตโพลก็สนับสนุนที่จะเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐไครเมีย นาย วลาดีเมียร์ คอนสตานตีนอฟ ยังเผยต่อไปว่า ชาวไครเมียสนับสนุนปัญหานี้แต่ชาวเซวาสโตโพลต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ตามแผนการ ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ จะมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อตัดสินใจอนาคตของตน./.