ตามข้อตกลงการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเพิ่งบรรลุในการประชุมสุดยอดรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ COP ครั้งที่ 29 ณ เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ประเทศพัฒนาได้ให้คำมั่นที่จะจัดงบอย่างน้อย 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตั้งแต่บัดนี้จนถึงปี 2035 เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนาในการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และยกระดับความสามารถในการรับมือภัยพิบัติด้านสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ เกือบ 200 ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม COP29 ยังได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับกฎเกณฑ์สำหรับตลาดคาร์บอนเครดิตทั่วโลก

เมื่อประเมินเกี่ยวกับข้อตกลงฉบับนี้ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนีโอ กูเตอร์เรส ได้แสดงความเห็นว่า ข้อตกลงฉบับนี้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ถือสิ่งนี้เป็นพื้นฐานเพื่อจัดทำข้อผูกพันด้านสภาพอากาศครั้งต่อไป และย้ำถึงความจำเป็นในการ “ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้อย่างเต็มที่และตรงกำหนดการ”  พร้อมทั้ง ย้ำว่า ข้อผูกพันต้องได้รับการปฏิบัติอย่างรวดเร็ว ทุกประเทศต้องค้ำประกันการปฏิบัติตามเป้าหมายใหม่นี้ในระดับสูงสุด และเสนอแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศระดับชาติฉบับใหม่ก่อนที่จะจัดการประชุม COP30 ตามคำมั่นที่ให้ไว้

ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน ได้ชื่นชมข้อตกลงทางการเงินที่ได้บรรลุในการประชุม COP29 โดยถือว่า นี่เป็น “ก้าวเดินที่สำคัญ” ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน เช่นเดียวกับความเห็นดังกล่าว นาย เอ็ด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีพลังงานของอังกฤษได้ประเมินว่า ข้อตกลงที่ได้บรรลุระหว่างเกือบ 200 ประเทศในการประชุม COP29 เป็น “ข้อตกลงสำคัญด้านสภาพภูมิอากาศที่ได้บรรลุในนาทีสุดท้าย” ถ้าหากประเทศกำลังพัฒนาใช้วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีอย่างเหมาะสม จะช่วยลดการปล่อยมลพิษเท่ากับการปล่อยมลพิษของรถยนต์ 1 พันล้านคัน และสามารถปกป้องผู้คนเกือบ 1 พันล้านคนจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ.