ภาพการเดินสวนสนามที่จัตุรัสแดงเมื่อปี 2019 (AFP)

จดหมายระบุว่า “ชัยชนะเหนือลัทธิฟาสซิสต์เมื่อ75ปีก่อนคือนิมิตหมายสำคัญในประวัติศาสตร์โลก เป็นหนึ่งในชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 และสะท้อนความหมายแห่งยุคสมัย กองทัพและประชาชนสหภาพโซเวียดได้เสียสละเลือดเนื้อเพื่อทำลายแผนก่อสงครามเพื่อครองโลกของฮิตเลอร์และปลดปล่อยประชาชนโลกจากลัทธิฟาสซิสต์ ซึ่งชัยชนะของสหภาพโซเวียดและพันธมิตรได้สร้างแรงจูงใจให้ประชาชนโลก รวมถึงเวียดนามทำการปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยประเทศ ทำลายลัทธิอาณานิคมในทวีปเอเชีย แอฟริกาและลาตินอเมริกา โดยประชาชนเวียดนามได้ร่วมแรงร่วมใจ ทำการลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่เพื่อยึดอำนาจการปกครอง จนนำไปสู่ความสำเร็จของการปฏิวัติเดือนสิงหาคมปี 1945 สถาปนาประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม เปิดศักราชใหม่แห่งเอกราชของประชาชาติและสังคมนิยม

ประชาชนเวียดนามจดจำและสำนึกในบุญคุณต่อน้ำใจและการช่วยเหลือของประชาชนสหภาพโซเวียดและรัสเซียแก่เวียดนามในช่วงสงครามเพื่อช่วงชิงเอกราช รวมประเทศเป็นเอกภาพในอดีตและในภารกิจการสร้างสรรค์และพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน

ผ่านช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ค้วยความสามัคคีและจิตใจแห่งความร่วมมืออย่างเสมอภาคเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศได้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อภารกิจการพัฒนาของแต่ละประเทศ เพื่อผลประโยชน์ของสองประชาชาติ เพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคและโลก

ปี 2020 คือนิมิตรหมายที่สำคัญโดยเวียดนามและรัสเซียจะจัดกิจกรรมรำลึกครบรอบ 70ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตท่ามกลางการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งผมมีความมั่นใจว่า เวียดนามและรัสเซียจะเสริมสร้างความสามัคคีและความร่วมมือกับประเทศต่างๆในการควบคุมการแพร่ระบาดและสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆในช่วงที่เต็มไปด้วยความยากลำบากนี้ได้”

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเหงวียนซวนฟุกได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีถึงนายกรัฐมนตรี Mikhail Vladimirovich Mishustin ส่วนรองนายกรับมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝ่ามบิ่งมิงได้ส่งจดหมายแสดงความยินดีถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเช่นกัน.