นายบุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม

(VOVworld) –  ในระหว่างวันที่๘ถึงวันที่๙เดือนนี้ นายบุ่ยแทงเซิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามได้เดินทางไปเยือนประเทศสก๊อตแลนด์และอังกฤษ ในกรอบการเยือน รัฐมนตรีช่วยบุ่ยแทงเซินได้มีการพบปะกับนางไฮสลอฟ ไฟโอนา รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและการต่างประเทศสก๊อตแลนด์ เป็นประธานในการแนะนำเกี่ยวกับเวียดนามและพบปะกับนักธุรกิจ และตัวแทนสถานฝึกอบรมบางแห่งที่มีความประสงค์จะร่วมมือกับเวียดนาม ในการพบปะกับรัฐมนตรีไฮสลอฟ ไฟโอนา รัฐมนตรีช่วยบุ่ยแทงเซินได้ยืนยันถึงนโยบายต่างประเทศที่เปิดกว้างและผสมผสานเข้ากับโลกในทุกด้าน รวมทั้งด้านเศรษฐกิจของเวียดนาม และเสนอให้ทางการสก๊อตแลนด์ส่งเสริมให้นักธุรกิจสก๊อตแลนด์ขยายการลงทุนในเวียดนามเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอที่เวียดนามได้ลงนามและกำลังทำการเจรจา โดยเฉพาะ ข้อตกลงเอฟทีเอเวียดนาม –สหภาพยุโรปหรืออียู ส่วนรัฐมนตรีไฮสลอฟ ไฟโอนา ยืนยันว่า จะให้การสนับสนุนนักธุรกิจสก๊อตแลนด์ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับอังกฤษเพื่อขยายการลงทุนและประกอบธุรกิจในเวียดนาม โดยเฉพาะ การบริการทางการเงิน การบริหารทรัพย์สิน กองทุนเงินบำนาญและประกันภัย และเผยว่า จะผลักดันการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างสก๊อตแลนด์กับเวียดนาม มีความประสงค์ที่จะขยายความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านที่เป็นจุดแข็งของสก๊อตแลนด์ เช่น การศึกษา ฝึกอบรม การอนุรักษ์และบูรณปฏิสังขรณ์มรดกวัฒนธรรม การบริหารแหล่งน้ำและการปฏิรูปราชการ

ในการแนะนำเกี่ยวกับเวียดนามในหัวข้อ“ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาตสร์เวียดนาม – อังกฤษและโอกาสความร่วมมือกับสก๊อตแลนด์”รัฐมนตรีช่วยบุ่ยแทงเซินได้ย้ำถึงความร่วมมือในด้านต่างๆที่กำลังพัฒนาอย่างดีงามระหว่างอังกฤษกับเวียดนาม เช่น การเงิน ธนาคาร การศึกษา และแสดงความประสงค์ว่า นักธุรกิจสก๊อตแลนด์จะเข้าร่วมในด้านนี้ ต่อคำถามเกี่ยวกับการที่จีนติดตั้งแท่นขุดเจาะไหหยาง๙๘๑ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะและไหล่ทวีปของเวียดนาม รัฐมนตรีช่วยบุ่ยแทงเซินได้กล่าวว่า เวียดนามปฏิบัติมาตรการแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติและกล่าวขอบคุณอังกฤษที่ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนจุดยืนของสหภาพยุโรปหรืออียูที่เรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการโดยลำพังแต่ฝ่ายเดียว คุกคามสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัยในการเดินเรือทะเล ปฏิบัติตามกฎหมายสากลและแสวงหามาตรการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ/.