นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุก  กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม

บรรดานักวิชาการได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการฟันฝ่ากับดักรายได้ปานกลางผ่านการพัฒนานวัตกรรมและมีข้อเสนอต่อเวียดนาม รวมทั้ง ประสบการณ์ของประเทศต่างๆเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าโลกเพื่อเพิ่มผลผลิต กำหนดแนวทางการพัฒนาเพื่อให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองภายในปี 2030 และวิสัยทัศน์ปี 2045

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหงวียนซวนฟุก ได้ย้ำว่า เวียดนามได้วางยุทธศาสตร์การพัฒนาในช่วงปี 2021-2030 ในสภาวการณ์ที่ภูมิภาคและโลกที่มีความผันผวนอย่างซับซ้อน ซึ่งเวียดนามต้องปฏิบัติ 3 ก้าวกระโดดเชิงยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปรับปรุกลไก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระดมแหล่งบุคลากร  “ต้องรักษาบรรยากาศที่สันติภาพ เสถียรภาพทางการเมืองและสังคมเพื่อการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ปรับเปลี่ยนเป็นระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดที่ทันสมัย ผสมผสาน รับใช้ประชาชนและสถานประกอบการเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลและสังคมดิจิตอล  ส่งเสริมแหล่งพลังต่างๆบนพื้นฐานของการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ พัฒนาภาคเอกชนที่คล่องตัวและมีความคิดสร้างสรรค์ ถือสถานประกอบการเป็นศูนย์กลางและเป็นพลังขับเคลื่อนของการพัฒนา สร้างสรรค์เศรษฐกิจที่อิสระ เป็นตัวของตัวเอง มีทักษะความสามารถในการปรับตัวสูง ปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานเข้ากับกระแสโลก ปฏิบัติข้อตกลงเอฟทีเอที่ได้ลงนามและเข้าร่วมห่วงโซ่คุณค่าโลก”

นายกรัฐมนตรี เหงวียนซวนฟุก ได้กำชับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนและผู้บริหารกระทรวง หน่วยงานและท้องถิ่นต่างๆรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและต่างประเทศเพื่อแสวงหามาตรการที่ดีสำหรับเวียดนาม มีส่วนร่วมต่อการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาในช่วงปี 2021- 2030และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในช่วงปี 2021-2025เพื่อปฏิบัติความปรารถนาการพัฒนาประเทศเวียดนามให้กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูงภายในปี 2030และในปี 2045 กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่พัฒนาตามแนวทางสังคมนิยม.