เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติแนวทาง นโยบายร่วมมือลงทุนต่างประเทศ

(VOVWORLD) - เช้าวันที่ 4 ตุลาคม ณ กรุงฮานอย ได้มีการเปิดการประชุม 30ปีการดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศหรือเอฟดีไอภายใต้หัวข้อ “ 30 ปีดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในเวียดนาม – วิสัยทัศน์และโอกาสใหม่ในยุคใหม่” โดยมีนายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุกพร้อมผู้แทนกว่า 3 พัน 5 ร้อยคนเข้าร่วม
เวียดนามยืนหยัดปฏิบัติแนวทาง นโยบายร่วมมือลงทุนต่างประเทศ - ảnh 1 นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก 

ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นาย เหงียนชี้หยุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ยืนยันว่า ในตลอด30 ปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ดึงดูดโครงการเอฟดีไอนับหมื่นโครงการ รวมเงินจดทะเบียน 3 แสน 3 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเงินเอฟดีไอที่ได้รับการเบิกจ่ายเงินอยู่ที่กว่า 1 แสน 8 หมื่น 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีส่วนร่วมสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ ก่อตั้งหน่วยงานอุตสาหกรรมสำคัญๆ อีกทั้งเป็นปัจจัยพัฒนาตัวเมืองใหม่ อำนวยความสะดวกเพื่อให้เวียดนามขยายการเจาะตลาดโลก สร้างความสมดุลด้านการค้า อีกทั้งมีส่วนร่วมต่อกระบวนการผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลก ยกระดับสถานะและบทบาทของเวียดนามบนเวทีโลก

ผลการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในตลอด 30 ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ถูกต้องของพรรคและรัฐ นาย Tomaso Andreatta ประธานสหภาพฟอรั่มสถานประกอบการเวียดนามหรือวีบีเอฟได้แสดงความเห็นว่า “ผลงานนี้มาจากการที่ชาวเวียดนามเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ศึกษา ขยันทำงาน และนโยบายดึงดูดเงินเอฟดีไอของรัฐบาลในหลายปีที่ผ่านมา ตลอดจนการขยายความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆของรัฐบาลเวียดนาม”

นอกจากการประเมินผลงานที่ได้บรรลุ การประชุมคือโอกาสเพื่อให้เวียดนามส่งเสริมการลงทุนในระยะต่อไปด้วยขอบเขตที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุม นายกรัฐมนตรี เหงียนซวนฟุก ได้ชื่นชมบทบาทของแหล่งเงินทุนเอฟดีไอต่อการพัฒนาของเศรษฐกิจเวียดนาม และย้ำว่า ต้องมีมาตรการแบบบูรณาการเพื่อดึงดูดแหล่งเงินทุนเอฟดีไอในเวลาที่จะถึง “เวียดนามยืนหยัดปฏิบัตินโยบายร่วมมือลงทุนต่างประเทศ โดยแหล่งเงินทุนเอฟดีไอคือส่วนสำคัญของเศรษฐกิจ รัฐบาลเรียกร้องให้กระทรวงและหน่วยงานเน้นรักษาเสถียรภาพบรรยากาศการเมือง สังคม เศรษฐกิจมหภาค ผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงกรอบทางนิตินัยให้สมบูรณ์และสอดคล้องกับคำมั่นระหว่างประเทศ โดยเฉพาะข้อตกลงเอฟทีเอรุ่นใหม่ ส่งเสริมให้สถานประกอบการภายในประเทศเชื่อมโยงกับสถานประกอบการที่มีเงินลงทุนจากต่างประเทศ ปรับปรุงนโยบายให้สิทธิพิเศษให้มีความสมบูรณ์เพื่อให้สถานประกอบการเอฟดีไอที่ได้รับสิทธิพิเศษต้องประกอบธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง”

นายกรัฐมนตรียังเผยต่อไปว่า บนพื้นฐานรายงานสรุป 30 ปีการลงทุนต่างประเทศ รัฐบาลจะยื่นเสนอให้กรมการเมืองประกาศใช้มติฉบับใหม่เกี่ยวกับการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศจนถึงปี 2030.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด