เอกอัครราชทูตดั่งดิ่งกวี๊ หัวหน้าคณะผู้แทนถาวรของเวียดนามประจำสหประชาชาติได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว (baoquocte.vn)

ที่ประชุมได้หารือถึงเนื้อหาต่างๆเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน เช่น การพัฒนาสังคม ความก้าวหน้าของสตรี สิทธิของเด็กและสิทธิของผู้สูงอายุ ในการนี้ เอกอัครราชทูตดั่งดิ่งกวี๊ หัวหน้าคณะผู้แทนถาวรของเวียดนามประจำสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆส่งเสริมการสนทนาแทนการเผชิญหน้า ทำการประชุมทาบทามความคิดเห็นแทนการบังคับ ร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมและค้ำประกันสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งเผยว่า เวียดนามจะปฏิบัติตามข้อเสนอ 241 ข้อจากทั้งหมด 291 ข้อตามกลไกการตรวจสอบเป็นประจำหรือ UPR รอบที่ 3 เช่น การปรับปรุงระบบกฎหมาย ขยายมาตรการค้ำประกันสิทธิด้านพลเรือน การเมือง เศรษฐกิจสังคม วัฒนธรรม การส่งเสริมการสนทนาความร่วมมือในการปฏิบัติกลไกสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ในปี 2019 เวียดนามได้เข้าร่วมอนุสัญญาฉบับที่ 98 ขององค์การแรงงานสากลหรือ ILO ว่าด้วยการประยุกต์ใช้หลักการของสิทธิในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วม  คำมั่นระดับโลกเกี่ยวกับสิทธิของเด็กและแถลงการณ์โรงเรียนที่ปลอดภัย

เอกอัครราชทูตดั่งดิ่งกวี๊ได้ย้ำว่า จากการเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เวียดนามได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการลดผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเสี่ยง โดยเมื่อปี 2014 เวียดนาม บังคลาเทศและฟิลิปปินส์ได้ยื่นเสนอมติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะสิทธิของเด็ก สตรีและคนพิการต่อสภาสิทธิมนุษยชน เพื่อมุ่งสู่การรำลึกครบรอบ 75ปีการก่อตั้งสหประชาชาติในหัวข้อ “อนาคตและสหประชาชาติที่เราต้องการ” เอกอัครราชทูตดั่งดิ่งกวี๊ได้เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศให้คำมั่นยกระดับบทบาทและศักยภาพของสหประชาชาติเพื่อตอบสนองความปรารถนาของประชาชนและแปรคำมั่นเกี่ยวกับการสร้างสรรค์อนาคตที่สดใสมากขึ้นให้แก่ประชาชนทุกคนให้กลายเป็นความจริง.