เวียดนามและสหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน

(VOVworld) – ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกำหนดความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศโดยยึดตามหลักการให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายสากล ระบอบการเมือง เอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของแต่ละฝ่าย
เวียดนามและสหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้าน - ảnh 1
ประธานประเทศเวียดนามเจืองเติ้นซางกับประธานาธิบดีสหรัฐ บารัก โอบามา
 (Photo: giaothongvantai)

(VOVworld) – ในกรอบการเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ วันที่๒๕กรกฎาคม ที่ทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามและนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐได้มีการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาในความร่วมมือระหว่างสองประเทศรวมทั้ง ปัญหาภูมิภาคและโลกที่ให้ความสนใจร่วมกัน  ในการนี้ ผู้นำทั้งสองท่านได้เห็นพ้องกำหนดความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหรัฐโดยยึดตามหลักการให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายสากล ระบอบการเมือง เอกราช อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของแต่ละฝ่ายซึ่งจะสร้างกรอบความสัมพันธ์ร่วมมือใหม่ระหว่างสองประเทศในทุกด้าน ผู้นำทั้งสองท่านได้ย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนเป็นพื้นฐานและพลังขับเคลื่อนของความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านและยืนยันถึงคำมั่นที่ต้องพยายามเสร็จสิ้นการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือTPPให้เร็วที่สุดภายในปีนี้โดยคำนึงถึงความหลากหลายเกี่ยวกับระดับการพัฒนาของแต่ละประเทศในกรอบข้อตกลงที่สมดุลในทุกด้าน       นายบารัก โอบามาได้กล่าวชื่นชมผลสำเร็จทางเศรษฐกิจของเวียดนามและรับทราบถึงความสนใจของเวียดนามเกี่ยวกับการที่สหรัฐรับรองเวียดนามมีเศรษฐกิจเชิงตลาด ผู้นำทั้งสองท่านเห็นพ้องกันว่า จะขยายการประสานงานบนเวทีภูมิภาคและโลก เช่น ฟอรั่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียยุโรปหรือAPEC ฟอรั่มความมั่นคงภูมิภาคหรือARF การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกหรือEAS การประชุมรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอาเซียนขยายวงค์หรือADMM+ และยืนยันอีกครั้งถึงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการพิพาทในทะเลตะวันออกอย่างสันติ สอดคล้องกับกฎหมายสากล รวมทั้งอนุสัญญาของสหประชาชาติเกี่ยวกับกฎหมายทางทะเลปี๑๙๘๒  ให้การสนับสนุนหลักการไม่ใช้หรือขู่ใช้กำลังเพื่อแก้ไขการพิพาทในทะเลและดินแดน ย้ำถึงคุณค่าของการปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการปฎิบัติของฝ่ายต่างๆในทะเลตะวันออกหรือDOCระหว่างอาเซียนกับจีน  ความสำคัญของการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อบรรลุระเบียบปฏิบัติต่อกันในทะเลตะวันออกหรือCOC                ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาเกี่ยวกับปัญหาที่ยังมีความเห็นแตกต่างกัน รวมทั้งปัญหาสิทธิมนุษยชน และเห็นพ้องกันว่า จะใช้การสนทนาเชิงสร้างสรรค์และให้ความเคารพซึ่งกันและกันเป็นช่องทางเพื่อขยายความเข้าใจ ลดความแตกต่างและไม่ปล่อยให้ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาอย่างดีงาม สิ่งที่น่าสนใจในการเจรจาคือ ประธานเจืองเติ้นซางได้แนะนำสาส์นของประธานโฮจิมินห์ที่ส่งถึงประธานาธิบดีสหรัฐTruman เมื่อวันที่๑๖กุมภาพันธ์ปี๑๙๔๖โดยระบุว่า เวียดนามมีความประสงค์ที่จะมีเอกราชอย่างสมบูรณ์และมีความประสงค์ที่จะสถาปนาความร่วมมืออย่างครบถ้วนกับสหรัฐซึ่งต้นฉบับกำลังได้รับการเก็บรักษาไว้ที่กองจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐ            หลังการเจรจา ประธานเจืองเติ้นซางและประธานาธิบดีบารัก โอบามาได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับผลของการเจรจา ซึ่งประธานเจืองเติ้นซางกล่าวว่า“พวกเราได้หารือถึงความสัมพันธ์ด้านการเมือง การต่างประเทศ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ความมั่นคง การป้องกันประเทศ การแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม ปัญหาชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ และสิทธิมนุษยชนอย่างตรงไปตรงมาและมีลักษณะสร้างสรรค์จึงสามารถบรรลุความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ ในเวลาที่จะถึง ทั้งสองฝ่ายจะขยายการพบปะระดับสูงพร้อมทั้งยกระดับระเบียบความสัมพันธ์สนทนาในทุกระดับอย่างสมเหตุสมผลซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างความไว้วางใจทางการเมืองในระดับสูง และอำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาในทุกปัญหาที่ให้ความสนใจร่วมกัน”  นายบารัก โอบามายังย้ำถึงจุดประสงค์ในการร่วมมือกัน ความคืบหน้าของความร่วมมือใหม่บนพื้นฐานของการกำหนดหุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างสองประเทศผ่านการเยือนสหรัฐของประธานเจืองเติ้นซางครั้งนี้ “ขอขอบคุณประธานอีกครั้งที่ได้เดินทางมาเยือนสหรัฐครั้งนี้ซึ่งเป็นโอกาสเพื่อให้พวกเรามุ่งสู่ความร่วมมือที่มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในก้าวเดินต่อไปของทั้งสองประเทศ พวกเราควรขยายความร่วมมือทางการค้า วิทยาศาสตร์ และด้านอื่นๆที่จะนำผลประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองมาให้แก่ทั้งสองประเทศ”  ในวันเดียวกัน ประธานเจืองเติ้นซางได้มีการพบปะกับวุฒิสมาชิกPatrick Leahyประธานประจำวุฒิสภาสหรัฐโดยได้ชื่นชมบทบาทของวุฒิสมาชิกPatrick Leahyและวุฒิสภาสหรัฐในการผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและได้ขอบคุณวุฒิสมาชิกPatrick Leahyที่ได้ให้การสนับสนุนกระบวนการปรับและพัฒนาความสัมพันธ์และแสดงความประสงค์ว่าวุฒิสมาชิกPatrick Leahyจะมีส่วนร่วมผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวลาที่จะถึง ให้การสนับสนุนการวางระเบียบจัดการสนทนาเป็นประจำทุกปีระหว่างรัฐสภาทั้งสองประเทศต่อไป รื้อฟื้นกลุ่มส.ส.เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ ให้การสนับสนุนเวียดนามในการเจรจาTPP รับรองระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดของเวียดนาม ยกเลิกมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสองประเทศ รวมทั้งโครงการตรวจสอบปลาที่ไม่มีเกล็ดอีกครั้งตามรัฐบัญญัตินิคมเกษตร๒๐๑๓ ยกเลิกการคว่ำบาตรทางอาวุธต่อเวียดนามโดยสิ้นเชิง เพิ่มความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม วุฒิสภาไม่อนุมัติร่างกฎหมายและมติที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ค่ำวันเดียวกัน ประธานเจืองเติ้นซางและคณะผู้แทนระดับสูงของเวียดนามได้ออกจากกรุงวอชิงตันDC เดินทางไปเยือนนครนิวยอร์ค  ในโอกาสการเยือนสหรัฐของประธานเจืองเติ้นซางในระหว่างวันที่๒๔ถึงวันที่๒๖เดือนนี้ ประธานาธิบดีบารัก โอบามาและประธานเจืองเติ้นซางได้ออกแถลงการณ์ร่วมเวียดนามสหรัฐโดยย้ำว่า การเยือนของประธานเจืองเติ้นซางดำเนินไปในช่วงที่สำคัญของทั้งสองประเทศและแสดงให้เห็นถึงความประสงค์ร่วมคือร่วมกันสร้างสรรค์ความสัมพันธ์เพื่อมุ่งสู่อนาคต  ผู้นำทั้งสองท่านได้กำหนดความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหรัฐเพื่อสร้างสรรค์กรอบการผลักดันความสัมพันธ์ ย้ำถึงหลักการต่างๆของความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านระหว่างเวียดนามกับสหรัฐ รวมทั้ง การให้ความเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายสากล ระบอบการเมือง เอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของแต่ละฝ่ายและแถลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านเพื่อมีส่วนร่วมในการผดุงรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละประเทศ ภูมิภาค และโลก ซึ่งจะสร้างระเบียบความร่วมมือในหลายด้าน รวมทั้ง ความสัมพันธ์ทางการเมือง การทูต การค้า เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การศึกษา ฝึกอบรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การแก้ไขผลเสียหายจากสงคราม การป้องกันประเทศ ความมั่นคง การปกป้องและผลักดันสิทธิมนุษยชน วัฒนธรรม การกีฬาและการท่องเที่ยว บ่ายวันเดียวกัน ท่านเจืองเติ้นซาง ประธานประเทศได้กล่าวปราศรัยที่ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของสหรัฐหรือCSIS เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก โดยชี้ชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการขยายและยกระดับในหลายด้าน สำหรับเวียดนาม การขยายความสัมพันธ์กับสหรัฐอยู่ในแนวทางต่างประเทศที่อิสระ พึ่งพาตนเอง มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบและหลายฝ่าย ผสมผสานเข้ากับโลกอย่างเข้มแข็งในเชิงรุก นำความสัมพันธ์กับบรรดาหุ้นส่วนสำคัญเข้าสู่ส่วนลึกและมีเสถียรภาพ ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดกรอบความสัมพันธ์หุ้นส่วนในทุกด้านซึ่งตามนั้น ความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะครอบคลุมในทุกด้าน เช่น การเมือง การต่างประเทศ เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน  การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การกลาโหมและความมั่นคง            เนื้อหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันอีกครั้งถึงความตั้งใจและให้คำมั่นว่า จะร่วมกับประเทศสมาชิกเสร็จสิ้นข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกหรือTPP ตามขั้นตอนที่ได้วางไว้ มุ่งสู่ข้อตกลงที่สมดุลเพื่อการพัฒนา การเข้าร่วมTPP จะมีส่วนร่วมผลักดันการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ รูปแบบการขยายตัว และบรรยากาศการประกอบธุรกิจในเวียดนามให้ดีขึ้น             ควบคู่กับกรอบTPP  เวียดนามจะผลักดันความร่วมมือกับสหรัฐในฟอรั่มต่างๆ รวมทั้งระเบียบการต่างๆของอาเซียน ความร่วมมืออนุภูมิภาคแม่น้ำโขง การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก  ฟอรั่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย แปซิฟิกหรือAPEC  อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ไขปัญหาที่ยังคั่งค้างอยู่ต่อไป ประธานเจืองเติ้นซางเผยว่า จากการพัฒนาของความสัมพันธ์ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายกำลังมีการเปลี่ยนแปลงโดยนโยบายไกล่เกลี่ย ปรองดองชาติ และความร่วมมือในหลายด้านได้ถูกนำมาใช้แทนที่นโยบายคว่ำบาตรในอดีต ประธานเจืองเติ้นซางกล่าวว่า“สาส์นที่พวกเราอยากย้ำคือ เวียดนามมีความประสงค์ว่า ทั้งสองประเทศจะขยายความร่วมมือในทุกด้านเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศร่วมกันทำนุบำรุงเอเชีย แปซิฟิกที่สันติภาพ มีเสถียรภาพ มีความคล่องตัว และเจริญรุ่งเรือง พวกเราควรพยายามร่วมมือบนเจตนารมณ์ให้ความเคารพซึ่งกันและกัน มีความเสมอภาค และประสานผลประโยชน์ซึ่งกันและกันเพื่อเป้าหมายดังกล่าว” โอกาสนี้ ประธานเจืองเติ้นซางได้ตอบคำถามของบรรดาวิทยากรอเมริกันและชาวเวียดนามที่อาศัยในสหรัฐ./.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด