(VOVworld) –  ในหลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางการเมือง การทูตและเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับอินโดนีเซียนับวันได้รับการเสริมสร้างและขยายทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคีและอาเซียน โดยเฉพาะ หลังการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์นี้ได้รับการยกระดับให้กลายเป็นความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ในโอกาสฉลองครบรอบ๖๘ปีวันชาติอินโดนีเซียซึ่งตรงกับวันที่๑๗สิงหาคม ทางผู้จัดทำรายการขอประมวลความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ

ท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนามกับภริยาและท่านซูซิโล บัมบัง ยุดโฮโยโน ประธานาธิบดี อินโดนีเซียกับภริยา (Photo: baophuyen )

ปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับ๔ของเวียดนามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมูลค่าการค้าต่างตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปีซึ่งจาก๒พัน๕ร้อยล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๐๘ เพิ่มขึ้นเป็น๔พัน๖ร้อยล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๑และอยู่ที่๔พัน๘ร้อย๖สิบล้านเหรียญสหรัฐในปี๒๐๑๒ นายHerry Hotma อัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจอินโดนีเซียประจำ เวียดนามกล่าวว่า“ในปี๒๐๑๓ พวกเราอาจมองเห็นการขยายตัวของการค้าทวิภาคีและพวกเราหวังว่า จากศักยภาพที่มีอยู่ การขยายตัวทางการค้าในปี๒๐๑๓จะสูงกว่าปี๒๐๑๒ และจะสามารถบรรลุมูลค่าการค้าต่างตอบแทน๕พันล้านเหรียญสหรัฐก่อนปี๒๐๑๕ตามแผนที่วางไว้  ในการเยือนอินโดนีเซียของประธานประเทศเวียดนาม เมื่อเร็วๆนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้เห็นพ้องกันว่า มูลค่าการค้าต่างตอบแทนจะเพิ่มขึ้นเป็น๒เท่า และจะอยู่ที่๑หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี๒๐๑๘ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผู้นำทั้งสองประเทศตั้งความหวังต่อการขยายตัวทางการค้าระหว่างสองประเทศ”  
ในด้านการลงทุน ปัจจุบัน อินโดนีเซียอยู่อันดับที่๒๗ในจำนวน ๑๐๑ประเทศและดินแดนที่ลงทุนในเวียดนามโดยมี๓๕โครงการที่กำลังดำเนินงาน รวมยอดเงินทุนจดทะเบียนกว่า๒๘๕ล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซียได้ลงทุนใน๑๑ด้านจากทั้งหมด๒๑ด้าน รวมทั้ง ด้านอุตสาหกรรมแปรรูปและการผลิตที่อยู่อันดับ๑โดยมี๑๖โครงการ รวมยอดเงินทุนจดทะเบียน ๑๑๒.๑๗ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ๓๙.๓๔ของยอดเงินลงทุน  สินค้าส่งออกสำคัญมาเวียดนามของอินโดนีเซียคือ เหล็กกล้า เครื่องจักร วัตถุดิบในการผลิต เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่คอมพิวเตอร์ ปุ๋ย และเภสัชภัณฑ์ ส่วนอินโดนีเซียนำเข้าน้ำมันดิบ ข้าว ชาและกาแฟจากเวียดนาม เวียดนามและอินโดนีเซียมีศักยภาพมากมายที่อาจเกื้อนหนุนให้แก่กันในด้านความมั่นคงด้านพลังงานและธัญญาหาร เวียดนามมีความต้องการนำเข้าถ่านหินระยะยาวจากอินโดนีเซียเพื่อป้อนให้แก่โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ส่วนเวียดนามสามารถค้ำประกันแหล่งข้าวให้กับอินโดนีเซียอย่างมีเสถียรภาพ
เพื่อผลักดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ นับตั้งแต่ต้นปี๒๐๑๓ ทั้งสองประเทศได้จัดฟอรั่มและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งโดดเด่นที่สุดคือ ฟอรั่มการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนอินโดนีเซีย เวียดนามหรือTTI ที่ได้จัดขึ้น ณ นครโฮจิมินห์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาซึ่งได้สร้างโอกาสเพื่อให้นักธุรกิจของทั้งสองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนในหลายด้านโดยตรงพร้อมทั้งแสวงโอกาสความร่วมมือใหม่ นายHerry Hotma กล่าวว่า“ พวกเรากำลังพยายามแนะนำโอกาสการทำธุรกิจในเวียดนามให้แก่นักธุรกิจอินโดนีเซียและโอกาสการทำธุรกิจในอินโดนีเซียให้แก่นักธุรกิจเวียดนาม นอกจากนี้ พวกเรายังอำนวยความสะดวกให้แก่สัญญาธุรกิจและการค้าระหว่างนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ โดยจะช่วยให้นักธุรกิจอินโดนีเซียเข้าร่วมนิทรรศการการค้าในเวียดนาม  เช่น ณ กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์หรือจังหวัดและนครอื่นๆ และเชิญนักธุรกิจเวียดนามเข้าร่วมงานนิทรรศการการค้าในอินโดนีเซีย”
ในการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของท่านเจืองเติ้นซางประธานประเทศเวียดนาม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีข้อตกลงร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนกว่า๓๐ฉบับได้รับการลงนามซึ่งเป็นพื้นฐานทางนิตินัยที่มั่นคงให้แก่ความร่วมมือในทุกด้านระหว่างสองประเทศ การปฏิบัติข้อตกลงร่วมมือฉบับต่างๆจะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุมูลค่าการค้าต่างตอบแทน๕พันล้านเหรียญสหรัฐก่อนปี๒๐๑๕ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ ./.