น้ำใจไมตรีของศิลปินลาวที่มีต่อเวียดนาม

(VOVworld) –  มีศิลปินลาวคนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาเวียดนามได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนภาษา แม่ แถมยังสามารถท่องจำคำกลอน สุภาษิตและเพลงเวียดนามเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้ นั่นคือ นายดวงมีชัย ลีกายา ศิลปินแห่งชาติ นักดนตรี นักเขียน อดีตรองอธิบดีกรมศิลปะการแสดงแห่งชาติลาว


(VOVworld) –  มีศิลปินลาวคนหนึ่งที่สามารถพูดภาษาเวียดนามได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนภาษาแม่ แถมยังสามารถท่องจำคำกลอน สุภาษิตและเพลงเวียดนามเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้ นั่นคือ นายดวงมีชัย ลีกายา ศิลปินแห่งชาติ นักดนตรี นักเขียน อดีตรองอธิบดีกรมศิลปะการแสดงแห่งชาติลาว

น้ำใจไมตรีของศิลปินลาวที่มีต่อเวียดนาม - ảnh 1
นายดวงมีชัย ลีกายา (Photo:VOV)

ดวงมีชัย ลีกายา เกิดในหมู่บ้านชาวม้งอาศัยอยู่ที่หวยลอย เมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน ดวงมีชัยผูกพันธ์กับป่าเขามาตั้งแต่เกิด ดังนั้น เมื่อได้ยินเสียงแคนที่แม่เป่าก็รู้สึกซาบซึ้งจนค่อยๆซึมซับลงไปในสายเลือดอย่างไม่ทันรู้ตัว แล้วเหมือนโชคชะตากรรมที่ เมื่อปี๑๙๕๙ เมื่อดวงมีชัยมีอายุ๑๑ปี เขาได้ไปศึกษาในเวียดนามและก็เหมือนบุตรของศิลปินที่เวียดนามในตอนนั้น ดวงมีชัยต้องศึกษาเล่าเรียนท่ามกลางบรรยากาศที่ลำบากแห่งสงคราม ศิลปินดวงมีชัยกล่าวว่า“ตอนเป็นเด็ก ผมชอบแต่งเพลงและเริ่มแต่งเพลงอย่างจริงจังเมื่อปี๑๙๖๕ในขณะที่กำลังเรียนที่โรงเรียนบั๊กยางซึ่งในตอนนั้นผมยังไม่ใช่ศิลปิน ผมเรียนที่จังหวัดท้ายเงวียนและบั๊กยาง๑๐ปี ต่อจากนั้น ในช่วงปี๑๙๖๖ถึง๑๙๖๙ ผมเรียนที่สถาบันดนตรีแห่งชาติเวียดนามในกรุงฮานอย เมื่อจบจากมหาวิทยาลัย ผมได้ทำงานที่สถานีวิทยุปะเทศลาวที่จังหวัดนิ่งบิ่ง”
ในช่วงที่ศึกษาที่เวียดนาม อาจารย์ดิงกวางเหิปซึ่งเป็นผู้สอนด้านดนตรีให้แก่ดวงมีชัยได้ให้ข้อสังเกตุว่า ดวงมีชัยมีความสามารถในการประพันธ์ดนตรีและคงจะเป็นนักประพันธ์ดนตรีคนแรกของอาณาจักรล้านช้าง ส่วนนักดนตรี ศิลปินจ่องบั่งกล่าวว่า ในเวียดนามมีผู้แต่งซิมโฟนีออเครสตราจำนวนมากแต่แต่งได้ไพเราะเหมือนดวงมีชัยมีน้อยมาก

น้ำใจไมตรีของศิลปินลาวที่มีต่อเวียดนาม - ảnh 2
แสดงผลงานซิมโฟนี“ห่งห่าแม่น้ำโขง”(Photo:VOV)

ศิลปินดวงมีชัยก็เป็นคนแรกของประเทศลาวที่แปลหนังสือ“เรื่องราวเกี่ยวกับประธานโฮจิมินห์”จากภาษาเวียดนามเป็นภาษาลาวและก็เป็นนักดนตรีลาวที่แต่งผลงานดนตรีมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ เขากล่าวถึงผลงานซิมโฟนี“ห่งห่า แม่น้ำโขง”ที่เขาได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการประพันธ์ว่า“ผลงาน“ห่งห่าแม่น้ำโขง”มี๔บทที่ยกย่องสรรเสริญไมตรีจิตมิตรภาพเวียดนาม–ลาวโดยบทที่๑กล่าวถึงเกียรติประวัติขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของลาวและเวียดนาม บทที่๒ยกย่องประธานโฮจิมินห์ซึ่งเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่ได้เผยแพร่ลัทธิมาร์กเลนินในสามประเทศอินโดจีนคือลาว เวียดนามและกัมพูชาและเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งพรรคอินโดจีน บทที่๓ยกย่องทหารเวียดนามและลาวที่ได้เคียงบ่าเคียงไหล่กันและสละชีพในลาว ก่อนแต่บทที่๓เสร็จ ผมได้เดินทางไปยังสุสานทหารอาสาเวียดนามที่ได้สละชีพในประเทศลาวที่จังหวัดเหงะอานและสุสานเจื่องเซิน ๓ ถึง๔ครั้ง บทที่๔มีความหมายเรียกร้องให้กองทัพและประชาชนทั้งสองประเทศพิทักษ์รักษาสองประชาชาติให้มั่นคงตลาดกาล”
สำหรับเขา จนถึงปัจจุบันนี้ เขายังคงไม่ลืมน้ำใจไมตรีของประชาชนเวียดนามที่มีต่อเขาและประเทศลาว“กระทรวงสื่อสารและประชาสัมพันธ์ จังหวัดและนครต่างๆของเวียดนามได้ช่วยผมบรรลุผลงานนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หน่วยงานและองค์กรมวลชนต่างๆได้ช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ผม พาผมไปทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์สงครามที่เก็บรักษาสิ่งของวัตถุต่างๆ เช่นรถถัง เครื่องบินกับระเบิดของศัตรูที่เวียดนามยึดได้และผมยังได้ไปเยือนอุโมงค์ลับกู๋จี ผมได้ลงไปในอุโมงค์เพื่อดูว่า ทหารและประชาชนเวียดนามต้องลำบากเช่นไรเพื่อต่อต้านทหารอเมริกันและทหารหุ่นไซ่ง่อน ดังนั้น ผลงานนี้จึงได้รับความนิยมมาก”
จนถึงปัจจุบัน เมื่อฟังเพลงที่เขาแต่งเกี่ยวกับสัมพันธไมตรีระหว่างเวียดนามกับลาวทุกครั้ง เขาก็คิดถึงคำกลอนของประธานโฮจิมินห์ที่ว่า

“รักกันถึงภูสูงก็ไม่หวั่น

ถึงแม่น้ำลำธานขวางกั้นก็ไม่ลุย

มิตรภาพสองชาติเวียดนามลาวเรานั้น

มั่งคั่งล้ำลึกยิ่งกว่าลำน้ำโขง”./.

Minh Đức

 

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด