“สวัสดีเวียดนาม ผมชื่อ Ted Osius การที่ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า แต่งตั้ใหงให้ผมดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตคนใหม่ของสหรัฐประจำเวียดนามทำให้ความฝันของผมกลายเป็นความจริง  เมื่อปี 1996 ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เดินทางมาเวียดนามเพื่อช่วยเอกอัครราชทูตสหรัฐคนแรกวางรากฐานให้แก่ความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างสองประเทศ ประเทศเวียดนามที่เข้มแข็ง เจริญรุ่งเรืองและมีเอกราชคือเพื่อนที่ขาดไม่ได้ของสหรัฐ”
เมื่อเดือนธันวาคมปี 2014 คลิปวีดีโอสวัสดีเวียดนามของท่าน Ted Osius เอกอัครราชทูตคนใหม่ของสหรัฐก่อนที่เดินทางมารับหน้าที่ตามวาระในเวียดนามได้ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ส่วนตัว และเว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐพร้อมการแนะนำตัวที่น่าประทับใจยิ่งสร้างความรู้สึกที่ดีต่อนักการทูตที่มีความเป็นมิตรและเข้าใจเกี่ยวกับเวียดนามอย่างลึกซึ้ง
ท่าน Ted Osius เปิดเผยว่า ตนมีชะตากรรมที่ผูกพันกับเวียดนามซึ่งช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่งต่างๆในเวียดนาม เช่น ผู้ช่วยทูกฝ่ายการเมืองที่กงศุลใหญ่และสถานทูตสหรัฐประจำกรุงฮานอยในช่วงปี 1997-2001 หรือเป็นสมาชิกของคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐคณะแรกที่เดินทางมาเยือนเวียดนามหลังจากที่ทั้งสองประเทศปรับความสัมพันธ์ให้เป็นปกติได้ช่วยให้ตนเข้าใจและมีความรักต่อเวียดนามมากขึ้น เมื่อฝ่ายเวียดนามเสนอให้สหรัฐยกเลิกการห้ามขายอาวุธสังหารให้แก่เวียดนาม เขาก็เป็นคนที่สนับสนุนข้อเสนอของเวียดนามอย่างเข้มแข็งที่สุดและจนถึงขณะนี้ แม่เพิ่งมารับหน้าที่ตามวาระในเวียดนามได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น แต่ท่าน Ted Osius ก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่างเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีการปรับความสัมพันธ์เวียดนาม-สหรัฐให้เป็นปกติซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ตามวาระในเวียดนามเป็นเวลา 3 ปี เขาก็ได้ตั้งเป้าหมายมากมายเพื่อที่จะทำ“ผมมีความปรารถนาว่า จะนำสหรัฐกลายเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ในเวียดนาม พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือในด้านความมั่นคงและการเดินเรืออย่างปลอดภัย ผลักดันความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างสองประเทศเพื่อมุ่งสู่การจัดตั้งมหาวิทยาลัย Fullbright ในเวียดนามซึ่งจะไม่เพียงแต่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเวียดนามเท่านั้น หากยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย”

ท่าน Jean-Noel Poirier เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนาม

เช่นเดียวกันท่าน Ted Osius เอกอัครราชทูตคนใหม่ของสหรัฐประจำเวียดนาม ท่าน Jean-Noel Poirier เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนามก็เป็นชาวต่างชาติอีกคนที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมเวียดนามอย่างลึกซึ้ง ชอบเรียนภาษาเวียดนามและถือเวียดนามคือบ้านเกิดแห่งที่สองของตน ในโอกาสที่ตรุษเต๊ตเวียนมา ท่านเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสได้แสดงความรู้สึกว่า“เมื่อกล่าวถึงเวียดนาม ผมมีความประทับใจที่ดีตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจากเรื่องราวของครอบครัวเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประวัติศาสตร์ของเวียดนาม คุณย่าเกิดที่นครดานัง ประเทศเวียดนาม ส่วนคุณปู่ทำงานด้านการเดินเรือและเดินทางไปที่เมืองไซ่ง่อนหลายครั้ง ตอนยังเป็นเด็ก ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับสิ่งของต่างๆของเมืองไซ่ง่อนหลายชิ้นที่คุณปู่เอามาซึ่งทำให้ทำผมอยากรู้จักเกี่ยวกับพื้นแผ่นดินที่อยู่ไกลฝรั่งเศสแห่งนี้ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมมีความผูกพันกับเวียดนาม”
จากการให้ความสนใจเป็นพิเศษถึงภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งเวียดนามและประวัติศาสตร์ในภูมิภาคนี้ทำให้ท่าน Jean-Noel Poirier  ตั้งใจเรียนภาษาเวียดนามและโชคดีที่ได้รับการแต่งตั้งให้ทำงานที่กรมเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส การเดินทางมาปฏิบัติงานในเวียดนามครั้งแรกเมื่อปี 1989 ได้สร้างความประทับใจที่ดีงามต่อเขา  เมื่อได้พบปะกับพลเอก หวอเงวียนยาปและนาย เหงียนเกอแถก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามที่สถานทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนามและ 23 ปีให้หลังเขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำเวียดนามซึ่งสำหรับเขานั้น นี่ถือเป็นชะตาฟ้าลิขิตที่ตนต้องมีความผูกพันกับเวียดนาม
ในตลอด 2 ปีที่ผ่านมาที่ทั้งสองประเทศผลัดเปลี่ยนกันจัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์เวียดนาม-ฝรั่งเศส ท่าน Jean-Noel Poirier ได้เดินทางไปมาระหว่างสองประเทศเป็นประจำเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆซึ่งท่านได้ใช้เวลาส่วนใหญ่และความทุ่มเทตั้งใจเพื่อผลักดันโครงการร่วมมือหลายโครงการ เช่นโครงการซ่อมแซมสะพานลองเบียน นำทีมฟุตบอลสโมสร แก็งก็อง ของฝรั่งเศสเข้ามาเตะกระชับมิตรในเวียดนามและอำนวยความสะดวกให้เวียดนามสามารถเข้าถึงคลังเอกสารของฝรั่งเศสเกี่ยวกับปัญหาทะเลตะวันออก
ท่าน Jean-Noel Poirier ได้เผยว่า ช่วงเวลาที่ทำงานในเวียดนามและแต่งงานกับภริยาเชื้อสายเวียดนามถือเป็นแรงผลักดันให้ท่านใช้ชีวิตเหมือนคนเวียดนาม ถึงแม้นี่ไม่ใช้เป็นครั้งแรกที่ฉลองตรุษเต็ตในเวียดนาม แต่ทุกครั้งเมื่อตรุษเต๊ตเวียนมา ท่านทูตก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ“ผมเคยฉลองตรุษเต๊ตที่เวียดนามหลายครั้งแล้ว ผมเห็นว่า ตรุษเต๊ตที่เวียดนามคือช่วงเวลาสำคัญเพื่อยืนยันถึงเอกลักษณ์วัฒนธรรมของเวียดนาม  ในช่วงนี้ ชาวเวียดนามกว่า 90 ล้านคนต่างมีความปรารถนาคือกลับบ้านเกิดเพื่อชุมนุมกับสมาชิกในครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในเช้าวันที่ 1 ของตรุษเต๊ต ไม่มีคนเดินทางตามถนน ผมชอบบรรยากาศนี้มากซึ่งนี่คือเอกลักษณ์วัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของจิตใจแห่งความสามัคคีชนในชาติเวียดนาม”
การให้ความเคารพประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเวียดนามคือวิธีที่บรรดาเอกอัครราชทูตเหล่านี้ปรับตัวเข้ากับประเทศเวียดนาม ด้วยความเข้าใจ ความรักและมุ่งมั่นที่จะสร้างความผูกพันที่ยาวนานกับเวียดนาม บรรดาเอกอัครราชทูตเหล่านี้กำลังมีส่วนร่วมที่เข้มแข็งในการสร้างสะพานแห่งมิตรภาพระหว่างเวียดนามกับประเทศต่างๆ./.